รองโฆษกอัยการ ชี้เเจง อัยการแนะให้ ทบ.ตรวจ GT200 เพราะเป็นข้อแพ้ชนะคดี ระบุจ้างใครตรวจกี่บาทเป็นเรื่อง ทบ. แต่ล่าสุด ผู้ถูกฟ้องขอถอนอุทธรณ์ เมื่อ 7 มี.ค. 65 ถือว่าคดีจบเเล้ว ศาลปกครองสูงสุดสั่งเอกชนจ่าย 680 กว่าล้านบาท ให้กองทัพบก และไม่มีความจำเป็นต้องตรวจสอบแล้ว
วันนี้ (6 มิ.ย.) นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวชี้แจงกรณีโฆษกกระทรวงกลาโหม ออกมาระบุว่าทางสำนักงานอัยการสูงสุด มีความเห็นให้กองทัพบกดำเนินการตรวจเครื่อง GT200 ที่ไม่สามารถใช้งานได้ทุกเครื่อง ทั้ง 757 เครื่อง เพื่อใช้สู้คดีในศาลปกครองจนนำไปสู่การดำเนินการจ้างไปที่ สวทช.เป็นเงินจำนวน 7,570,000 บาท ว่า ทางสำนักงานอัยการสูงสุดได้รับหนังสือจากกองทัพบกวันที่ 13 ม.ค. 2560 เรื่อง ขอให้สำนักงานอัยการสูงสุดจัดอัยการยื่นฟ้องบริษัท เอวิเอ แซทคอม ผู้ถูกฟ้องที่ 1 กับพวก กรณีข้อพิพาทการจัดซื้อขายเครื่องตรวจวัตถุระเบิด GT200 รวม 12 สัญญา วงเงิน 683,900,000 บาท ซึ่งอัยการสูงสุดได้มอบให้สำนักงานอัยการคดีปกครองเป็นผู้พิจารณาว่าต่างเเละได้มอบหมายให้สำนักงานอัยการคดีปกครอง 5 เป็นผู้รับผิดชอบสำนวน
เมื่อได้เรื่องเเล้วพนักงานอัยการผู้ตรวจสำนงนได้มีหนังสือเเจ้ง 24 ม.ค. 2560 ให้กองทัพบกดำเนินการส่งเครื่อง GT200 ไปตรวจพิสูจน์ทั้งหมดรวม 757 เครื่อง เพื่อที่จะทราบว่าเป็นของที่ไม่มีคุณสมบัติตามสัญญาจริง ซึ่งในประเด็นนี้ถือว่าเป็นข้อแพ้ชนะคดี แต่ในส่วนรายละเอียดทางกองทัพจะไปตรวจอย่างไร ราคาเท่าไหร่ ทางอัยการไม่ได้ก้าวล่วง เพราะเป็นเรื่องของกองทัพบกที่จะต้องดำเนินการ จะจ้างใครตรวจก็ไม่เกี่ยวกับอัยการ เราเพียงแต่ให้ไปตรวจเพื่อนำผลตรวจพิสูจน์มา ในวันที่ 27เม.ย. 2560 อัยการสำนักงานคดีปกครอง 5 ได้ยื่นฟ้องบริษัท เอวิเอ แซทคอม, นายสุทธิวัฒน์ วัฒนกิจ ผู้บริหารบริษัท เอวิเอ, ธนาคารกสิกรไทย ในฐานะผู้ค้ำประกัน (วงเงิน 56 ล้านบาทเศษ), ธนาคารกรุงเทพ ในฐานะแบงก์การันตี (วงเงิน 6 ล้านบาทเศษ) เป็นผู้ถูกฟ้องคดีทั้ง 4 โดยอัยการได้ยื่นฟ้องทุนทรัพย์ทั้งหมด 687,691,975 บาท
ต่อมาวันที่ 28 ธ.ค. 2560 ศาลปกครองกลางไม่รับฟ้องคดีโดยให้เหตุผล เนื่องจากขาดอายุความ
ต่อมาวันที่ 1 มิ.ย. 2561 ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งในคดีที่อัยการยื่นอุทธรณ์ว่าคดีไม่ขาดอายุความ พร้อมสั่งให้ศาลปกครองกลางรับคดีไว้พิจารณา
จนวันที่ 1 ก.ย. 2564 ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาว่า เครื่อง GT200 จำนวน 757 เครื่อง เป็นสินค้าไม่มีคุณภาพ ไม่มีคุณลักษณะเฉพาะตามเอกสารเเสดงคุณสมบัติของเครื่อง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของสัญญาจึงพิพากษา ว่า ให้บริษัท เอวิเอ แซทคอม ชำระเงินให้กับกองทัพบก 683,441,561 บาท ให้ธนาคารกสิกรในฐานะผู้ออกแบงก์การันตีรับผิดชอบในวงเงิน 56,856,438 บาท ให้ธนาคารกรุงเทพในส่วนแบงก์การันตีรับผิดชอบวงเงิน 6,195,452 และยกฟ้องนายสุทธิวัฒน์ ผู้บริหารเอวิเอ เนื่องจากยังฟังไม่ได้ความว่า ได้กระทำงานเกินขอบเขตอำนาจหน้าที่ของนิติบุคคล
เเละวันที่ 8 ก.ย. 2564 สำนักงานอัยการสูงสุด ได้แจ้งผลคดี ให้กองทัพบกทราบ ต่อมา 23 ก.ย. 2564 ผู้ถูกฟ้องทุกคนยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุด วันที่ 8 ม.ค. 2565 อัยการคดีปกครองยื่นอุทธรณ์ โดยขอให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ซึ่งศาลยกฟ้องร่วมรับผิดกับผู้ถูกฟ้องที่ 1 จนวันที่ 7 ก.พ. 2565 ผู้ถูกฟ้องที่ 1 ยื่นคำร้องขอถอนอุทธรณ์ และวันที่ 7 มี.ค. 2565 ศาลปกครองสูงสุดอนุญาตให้ถอนอุทธรณ์คดีคดีจึงเป็นอันถึงที่สุด ที่ให้บริษัท เอวิเอ แซทคอม ชำระเงินให้กับกองทัพบก 683,441,561 บาท ตามคำพิพากษาศาลปกครองกลาง ในส่วนที่อยู่ในศาลปกครองสูงสุดจึงมีเพียง 2 ประเด็น คือ ในส่วนของธนาคารกสิกรไทย และ ธนาคารกรุงเทพ และประเด็นที่อัยการขอให้นายสุทธิวัฒน์ ร่วมรับผิดกับบริษัทดังกล่าว
ฉะนั้น สรุปการตรวจเครื่อง GT200 จึงไม่มีความจำเป็น เนื่องจากคดีสิ้นกระแสความแล้ว เเละเราเเจ้งผลให้กองทัพบก ตั้งแต่วันที่ 8 ก.ย. 2564 เเล้ว
“ในส่วนของอัยการที่เรายืนยันในเวลาขณะนั้นให้ตรวจเพราะมีความจำเป็นทางคดี เเต่เมื่อคดีมันเดินมาถึงที่สุดแล้ว ฟ้องชนะคดี 600 กว่าล้าน ก็ไม่มีความจำเป็นต้องไปตรวจอะไรอีก” นายประยุทธ กล่าว