ตำรวจ PCT บุกจับกุม 5 แอดมินเว็บพนันออนไลน์ ในบ้านพักย่านอรุณอัมรินทร์ พบเงินหมุนเวียนเดือนละกว่า 10 ล้านบาท
วันนี้ (31 พ.ค.) พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. ในฐานะ ผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) หรือ Police Cyber Taskforce (PCT) นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการที่ 3 PCT เข้าตรวจค้นทาวน์เฮาส์บ้านเลขที่ 143/295 ถนนบรมราชชนนี แขวงอรุณอัมรินทร์ เขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ ภายหลังสืบทราบว่า อาคารดังกล่าวถูกใช้เป็นที่เปิดเว็บพนันออนไลน์ ทำการจับกุม น.ส.พิมพ์ชนก (สงวนนามสกุล) อายุ 24 ปี นายปฐวี (สงวนนามสกุล) อายุ 27 ปี นายปรวัฒน์ (สงวนนามสกุล) อายุ 24 ปี นายชโยดม (สงวนนามสกุล) อายุ 25 ปี และ นายณรงค์ฤทธิ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 25 ปี กลุ่มแอดมินเว็บพนัน พร้อมของกลางโทรศัพท์มือถือ 30 เครื่อง คอมพิวเตอร์ 5 เครื่อง และสมุดบัญชีธนาคารจำนวนมาก
ที่เกิดเหตุมีลักษณะเป็นทาวน์เฮาส์ 2 ชั้น โดยชั้นล่างเป็นออฟฟิศทำงาน ส่วนชั้นบนเป็นที่พักสำหรับพนักงาน ทันทีที่ไปถึง พบกลุ่มพนักงานเว็บพนัน 5 คน กำลังทำหน้าที่แอดมินคอยตอบแชตลูกค้า เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวเข้าจับกุม พร้อมตรวจยึดของกลางที่เกี่ยวข้อง
จากการสอบถามหนึ่งในแอดมิน ระบุว่า มีคนรู้จักชักชวนให้มาทำงาน โดยมีหน้าที่คอยตอบแชตและรับโอนเงิน ช่วงแรกได้เงินเดือน 12,000 บาท แต่เมื่อทำงานได้ 3 เดือน จนผ่านโปรแล้วจะได้ 15,000 บาท โดยเมื่อมาทำงานแล้วรู้ว่าเป็นการพนันออนไลน์ ก็รู้สึกแปลกๆ แต่ก็ตัดสินใจทำ เนื่องจากกำลังตกงานจากพิษโควิด-19 ทำให้ว่างงานมาปีกว่าแล้ว ส่วนใหญ่ลูกค้านิยมพนันสลอต และบาคาร่าออนไลน์ รองลงมาคือ ฟุตบอล และหวยออนไลน์ โดยเฉพาะส่วนที่ตนเองรับผิดชอบ มียอดโอนเงินมากสุดหลักแสนบาทต่อวัน และมีบัญชีธนาคารรับโอนเงิน 2 บัญชี
ขณะที่ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการที่ 3 PCT สืบทราบว่า มีกลุ่มเว็บพนันออนไลน์ใช้ทาวน์เฮาส์ บ้านเลขที่ 143/295 ถนนบรมราชชนนี แขวงอรุณอมรินทร์ เขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ เป็นออฟฟิศในการเปิดเว็บพนันทั้งหมด 4 เว็บไซต์ จึงได้ขออนุมัติศาลอาญาตลิ่งชันออกหมายค้นเข้าตรวจค้นออฟฟิศดังกล่าว จากการตรวจค้น พบว่าทางเว็บไซต์ได้เช่าทาวน์เฮาส์แห่งนี้ เป็นออฟฟิศเป็นเวลากว่า 1 ปีแล้ว และมีผู้เข้ามาเล่นการพนันประมาณ 4,000-5,000 คน มีเงินหมุนเวียนเดือนละกว่า 10 ล้านบาท โดยขณะนี้อยู่ระหว่างขยายผลจับกุมนายทุนที่อยู่เบื้องหลัง ซึ่งทราบว่าเป็นชาวไทย ที่เช่าเซิร์ฟเวอร์อยู่ที่ต่างประเทศ
เบื้องต้นตำรวจแจ้งข้อหา “ร่วมกันจัดให้มีการเล่น หรือทำอุบายล่อ ช่วยประกาศโฆษณาหรือชักชวนโดยทางตรงหรือทางอ้อมให้ผู้อื่นเข้าเล่นหรือเข้าพนันในการเล่นทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์โดยมิได้รับอนุญาตเจ้าพนักงาน” พร้อมนำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย และตรวจสอบเส้นทางการเงินขยายผลเอาผิดผู้เกี่ยวข้องต่อไป