เชียงใหม่ - ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 นำทีมชุดปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ บุกทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หัวโจกชาวจีน รวบ 19 ผู้ต้องหาชายหญิง เช่าบ้านหรูพูลวิลลากว่า 10 หลังกลางเมืองเชียงใหม่ตั้งเป็นฐานปฏิบัติการโทรศัพท์หลอกคนไทยสมัครงาน แล้วส่งต่อข้อมูลให้ทีมงานที่อยู่ประเทศเพื่อนบ้านตุ๋นเหยื่อโอนเงิน
รายงานข่าวจากจังหวัดเชียงใหม่แจ้งว่า วันนี้ (11 พ.ค. 65) พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย ผบช.ภ.5 พร้อมด้วย พล.ต.ต.วีรชน บุญทวี รอง ผบช.ภ.5, พล.ต.ต.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ พร้อมกำลังชุดเจ้าหน้าที่ตำรวจปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ ตำรวจภูธรภาค 5 (ศปอส.ภ.5) ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองเชียงใหม่ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ช้างเผือก จ.เชียงใหม่ นำกำลังเจ้าหน้าที่กว่า 100 นายบุกเข้าปิดล้อมหมู่บ้านหรูพูลวิลลาแห่งหนึ่งในพื้นที่ ต.ช้างเผือก อ.เมือง จ.เชียงใหม่ หลังรับแจ้งว่ามีนายทุนชาวจีนชื่ออาเหว่ย มาเช่าเหมาทั้งพูลวิลลากว่า 10 หลังเดือนละกว่า 3 แสนบาท แล้วเปิดเป็นแหล่งทำการของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยเมื่อเจ้าหน้าที่ไปถึงพบว่าพูลวิลลาแห่งนี้ในรั้วเดียวกันแยกเป็นตึกๆ เจ้าหน้าที่จึงเข้าปิดล้อมทุกตึก แล้วตรวจค้นพบตัว นาย ZIXUAN WEI หรืออาเหว่ย อายุ 29 ปี และพบชายหญิง รวม 19 คน อยู่ในตึกที่ตรวจค้น พบของกลางคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ โน้ตบุ๊กกว่า 20 เครื่อง สมุดรายชื่อกว่า 100 เล่ม โทรศัพท์มือถือกว่า 30 เครื่อง จึงยึดทั้งหมดไว้เป็นหลักฐาน
เบื้องต้นจากการสอบสวนทราบว่า เมื่อประมาณ 4 เดือนก่อน นายอาเหว่ยได้มาเช่าพูลวิลลาแบบเหมาทั้งหมดไว้แล้วพากลุ่มคนไทย กลุ่มคนพื้นที่สูง มาอาศัยอยู่ตามห้องต่างๆ โดยให้เงินเดือนคนละ 20,000-25,000 บาทต่อคนและให้ค่าคอมมิชชัน โดยพนักงานทุกคนทำงาน 09.00-18.00 น. ทุกคนแยกกันทำหน้าที่โดยใช้โปรแกรมหาเบอร์โทรศัพท์ของประชาชนคนไทยแล้วมาจดในบัญชีไว้ จากนั้นจึงโทร.ไปเบอร์ที่ได้ เช่นดำเนินการหลอกให้แอดไลน์รับโชค สมัครงาน ได้รับรางวัล รวมถึงการหลอกลวงต่างๆ นานา แล้วเมื่อมีคนหลงเชื่อแอดไลน์ไปก็จะส่งต่อข้อมูลให้กลุ่มคอลเซ็นเตอร์ที่มีฐานที่ตั้งในประเทศเพื่อนบ้าน หลอกเอาเงินต่างๆ อีกทอดหนึ่ง
ทั้งนี้ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 เปิดเผยว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องมาจาก ศอปส.ภ.5 ได้ทำการสืบทราบและเฝ้าติดตามกลุ่มดังกล่าว จนมีหลักฐานแน่ชัดว่ามีพฤติการณ์เป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จึงได้ขอหมายค้นและทำการตรวจค้น โดยการจับกุมเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ครั้งนี้ถือว่าเป็นรายใหญ่ มีลักษณะการกระทำความผิดเช่นเมื่อกลุ่มบุคคลเหล่านี้ได้ข้อมูลได้ไลน์จากผู้เสียหายหรือเหยื่อก็จะมีการส่งต่อข้อมูลเหล่านี้ให้กับกลุ่มเครือข่ายที่ตั้งอยู่ในเขตประเทศเพื่อนบ้านเพื่อทำการหลอกลวงต่อ โดยที่จับได้คือแถวแรก ส่วนแถวสอง แถวสามก็จะอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน เบื้องต้นจะมีการตั้งข้อหา อั้งยี่ซ่องโจร / ฉ้อโกงประชาชน และนำข้อความอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ทั้งนี้ ทาง ศปอส.ภ.5 จะดำเนินการขยายผลติดตามจับกุมผู้ร่วมกระทำความผิดที่ยังหลบหนีต่อไป