MGR Online - โชว์ฟิต! รมว.ยธ. เปิดงานมหกรรมไกล่เกลี่ยหนี้สิน จ.ลำปาง ปลดหนี้ช่วยชาวบ้านเริ่มต้นชีวิตใหม่ พร้อมควง ป.ป.ส. เยี่ยมจุดตรวจยาเสพติด ห้วยไร่ จ.แพร่ ให้กำลังใจเจ้าหน้าที่
วันนี้ (29 เม.ย.) เวลา 10.00 น. ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่ากระทรวงยุติธรรม เป็นประธานเปิดงานมหกรรมไกล่เกลี่ยหนี้สินครัวเรือน ครั้งที่ 6 จ.ลำปาง และยุติธรรมพบประชาชน โดยมี นายวัลลภ นาคบัว รองปลัดกระทรวงยุติธรรม, นายสันติ รังษิรุจิ รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง, น.ส.นันทรัศมิ์ เทพดลไชย ผู้ตรวจราชการกระทรวงยุติธรรม, พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล ที่ปรึกษาเฉพาะด้านนโยบายและการบริหารงานยุติธรรม และ ข้าราชการ เจ้าหน้าที่กระทรวงยุติธรรม และประชาชน ร่วมงาน
นายสันติ กล่าวว่า จ.ลำปาง เป็นจังหวัดที่เก่าแก่เป็นศูนย์รวมทางวัฒนธรรม มีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติมากมาย ขอบคุณที่กระทรวงยุติธรรมเล็งเห็นความสำคัญและมาจัดงานมหกรรมไกล่เกลี่ยที่นี่ หวังว่างานนี้จะประสบความสำเร็จในการช่วยเหลือประชาชน
ด้าน นายสมศักดิ์ เผยว่า การจัดงานมหกรรมไกล่เกลี่ยหนี้สินครัวเรือน จ.ลำปาง ถือเป็นครั้งที่สอง ของการจัดงานมหกรรมไกล่เกลี่ยหนี้สินของภาคเหนือ โดยตนได้เพิ่มเวทีนี้เป็นพิเศษขึ้นมา เพราะตั้งใจจะมาเปิดงานด้วยตัวเอง เพื่อช่วยให้ทุกคนปลดหนี้ โดยทราบมาว่ามีประชาชนที่เป็นหนี้สินทั้งหมด 5,308 ราย แบ่งเป็นลูกหนี้ กยศ. 2,983 ราย ลูกหนี้สถาบันการเงิน 2,325 คน โดยมีพี่น้องจาก ลำปาง, แพร่ และ พะเยา เป็นกลุ่มเป้าหมาย มูลค่าหนี้ทั้งหมด 980 ล้านบาท ซึ่งก่อนหน้านี้เรามาช่วยชาวเชียงใหม่ไปแล้ว มีประชาชนมาร่วม 1,805 ราย มูลทรัพย์ 604 ล้านบาท โดยวันนี้เดินทางขยับลงมา 100 กิโลเมตร เพื่อมาช่วยชาวลำปาง แพร่ และ พะเยา
นายสมศักดิ์ เผยอีกว่า นอกจากนี้ ยังมีการมอบเงินเยียวยาให้กับผู้เสียหายจากคดีอาญา ซึ่งท่านใดได้รับผลกระทบหรือความเดือดร้อน อาทิ ถูกทำร้ายร่างกายจนบาดเจ็บหรือเสียชีวิต ถูกข่มขืน สามารถไปยังสำนักงานยุติธรรมจังหวัดทั่วประเทศเพื่อขอรับเงินเยียวยา และการช่วยเหลือทางคดีได้ ส่วนผู้ที่มีปัญหาหนี้สินก่อนฟ้อง ทั้ง หนี้ กยศ. หนี้บัตรเครดิต หนี้สินเชื่อต่างๆ สามารถไปยัง ศูนย์ไกล่เกลี่ยที่มี 830 แห่งทั่วประเทศได้ จะช่วยให้ไม่ถูกดำเนินคดี และยังช่วยเจรจาลดเงินดอกเบี้ยและค่าปรับได้อีกด้วย ส่วนผู้ที่มีปัญหาถูกฟ้องตามคำสั่งศาล สามารถไปยัง สำนักงานบังคับคดีจังหวัด ที่มีอยู่ 117 ทั่วประเทศ เพื่อให้ช่วยไกล่เกลี่ย งดการยึดทรัพย์ และการขายทอดตลาดได้
“ผมขอขอบคุณสถาบันการเงินที่เข้าร่วม คือ 1. กองทุนให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) 2. บริษัท เจเอ็มที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเช็ส จำกัด (มหาชน) 3. บริษัท บริหารสินทรัพย์ เจ จำกัด 4. ธนาคารออมสิน 5. ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) และ 6. ธนาคารกสิกรไทย สุดท้ายนี้ ผมขอฝากพี่น้องประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน ทั้งการได้รับความเสียหายจากคดีอาญา ไม่มีทนายในการช่วยเหลือคดี ต้องการให้ช่วยไกล่เกลี่ยหนี้บัตรเครดิต สถาบันการเงิน ถูกฟ้องบังคับคดี ให้คิดถึงเรา มาหาเราเราจะช่วยท่านได้ วันนี้เราทุกคนต้องมาแก้หนี้ ทุกคนจะได้มีความสุขและขอทุกท่านช่วยบอกต่อๆ กันให้มาร่วมโครงการ เมื่อแก้หนี้ได้แล้วขอให้เริ่มต้นใหม่ หาอะไรใหม่ๆ ทำ ทุกคนต้องสู้อย่ายอมแพ้ หากมีปัญหาอะไรมาปรึกษาเรา ผมยืนยันว่ากระทรวงยุติธรรมจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุดในการดูแลพี่น้องประชาชน” นายสมศักดิ์ กล่าว
จากนั้น เป็นการมอบเงินเยียวยาผู้เสียหายจากคดีอาญา 8 ราย เป็นเงินทั้งสิ้น 402,735 บาท มอบป้ายศูนย์ไกล่เกลี่ย 14 ศูนย์ และได้มอบต้นกล้าพืชกระท่อมให้กับประชาชน
ทั้งนี้ นายสมศักดิ์ พร้อมด้วย นายสิธิชัย จินดาหลวง ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง ได้ร่วมการไกล่เกลี่ย โดยรายแรกเป็นหนี้ก่อนฟ้อง กยศ. มา 18 ปี ตั้งแต่ปี 2548 จำนวน 297,000 บาท ผลการไกล่เกลี่ย กยศ. ลดให้เหลือ 206,000 บาท และให้ผ่อนชำระ 21 ปี งวดละ 930 บาท อีกรายเป็นหนี้หลังศาลมีคำพิพากษา บริษัท บริหารสินทรัพย์ 590,000 บาท และ กยศ. 300,000 บาท โดยทั้งสองบริษัทได้งดการขายทอดตลาด และให้โอกาสรอคุยรายละเอียดในการแก้ปัญหาอีกครั้ง เนื่องจากลูกหนี้ยังไม่มีกำลังชำระ
ต่อมา เวลา 15.30 น. ที่จุดตรวจ สภ.ห้วยไร่ จ.แพร่ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม พร้อมด้วย นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการ ป.ป.ส. ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยม โดยมี นายสมหวัง พ่วงบางโพ ผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ พล.ต.ต ชาคริต สวัสดี ผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.แพร่ ตำรวจและเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ให้การต้อนรับ
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกท่านในการร่วมงานราชการอย่างแข็งขัน จุดตรวจแห่งนี้ เป็นเส้นทางหลักในการสกัดการลำเลียงยาเสพติดจากภาคเหนือตอนบน สู่พื้นที่พัทยาในภาคกลาง และ กทม. เป็นด่านยุทธศาสตร์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งที่ผ่านมาจุดตรวจแห่งนี้ถือว่าทำผลงานได้เป็นอย่างดี ยึดยาบ้าได้ 14 ล้านเม็ด หากคิดเม็ดละ 50 บาท จะมีมูลค่า 745 ล้านบาท ไอซ์ 124 กก. มูลค่า 7.4 ล้านบาท รวมทั้งหมดมูลค่าถึง 752.4 ล้าน
นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า เป้าหมายหลักในการปราบปรามยาเสพติด คือ การไล่ยึดทรัพย์เครือข่ายยาเสพติดให้สิ้นซาก การทำงานของพวกเรานั้นอย่าไปยึดแบบเก่าๆ ต้องทำให้ทันสมัย ตามประมวลกฎหมายยาเสพติดฉบับใหม่ให้ทัน ศึกษาให้ละเอียด จะทำให้การทำงานเราง่ายและเข้าใจกันมากขึ้น เดิมเราเน้นการยึดจับกุมเม็ดยา แต่หากท่านยึดทรัพย์สินของคนที่ขน ที่ค้ายา แล้วมาคำนวณตัวเลขมูลค่าของการค้าหรือแวลูเบท ซึ่งยึดทรัพย์ย้อนหลังได้ 10 ปี แล้วไปยึดทรัพย์ และพวกท่านก็จะได้รางวัล เช่น การขยายผลจากการจับยาบ้า 1 ล้านเม็ด สืบสาวจนยึดทรัพย์ได้ 500 ล้านบาท คนจับกุมได้ 2% หรือ 10 ล้านบาท พนักงานสอบสวนได้ 4% หรือ 20 ล้านบาท ส่วนเจ้าหน้าที่ขยายผลได้ 15% หรือ 75 ล้านบาท
“ผมขอบคุณ ป.ป.ส., สภ.ห้วยไร่ และเจ้าหน้าที่ทุกท่าน ที่ทำงานหนัก ทุ่มเท ในการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ผมมั่นใจว่าประมวลกฎหมายยาเสพติดฉบับใหม่ จะแก้ปัญหายาเสพติดได้อย่างแน่นอน เพราะเราสืบสาวตั้งแต่รายเล็กๆ ไปจนถึงผู้บงการใหญ่ สุดท้ายนี้ ผมขอให้ภารกิจเป็นไปด้วยความปลอดภัย เราทุกคนจะช่วยทำให้ยาเสพติดลดลงไป” นายสมศักดิ์ กล่าว