xs
xsm
sm
md
lg

ผบ.ตร.ยันคดีค้ามนุษย์โรฮิงญาไม่มีใครหลุดรอด เร่งล่าผู้ต้องหาที่เหลือ พ้อ “คดีแตงโม” พยายามชี้แจงแล้วแต่คนไม่เชื่อ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.)
MGR Online - ผบ.ตร.ย้ำ คดีค้ามนุษย์โรฮิงญาไม่มีใครหลุดรอด เร่งล่าผู้ต้องหาที่เหลือมาดำเนินคดี ห่วงสื่อตีข่าวช่วงใกล้ประเมิน Tip Report กระทบภาพลักษณ์ประเทศ ยอมรับคดีคดีแตงโม” พยายามชี้แจงแล้ว แต่คนไม่เชื่อ

วันนี้ (27 เม.ย.) พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวถึงกรณีสำนักข่าวต่างประเทศ รายงานข่าวเกี่ยวกับคดีค้ามนุษย์ชาวโรฮิงญา ว่า คดีค้ามนุษย์ เกิดเหตุตั้งแต่ปี 2558 ที่ พล.ท.มนัส คงแป้น เป็นจำเลย ศาลได้ตัดสินไปแล้ว ต่อมา พล.ท.มนัส ได้เสียชีวิตในเรือนจำ ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ตรวจสอบเรื่องนี้มาหลายครั้งตั้งแต่มีข่าวปลายปีที่แล้ว ผมขอเรียนอีกครั้งว่า ขอให้ดูภาพรวมการดำเนินคดีว่ามีผู้ต้องหาที่ถูกดำเนินคดีและฟ้องศาลไป 116 ราย จะเห็นว่า ไม่มีใครที่หลุดรอดไปจากการดำเนินคดีของเจ้าหน้าที่ คดีนี้ไม่ใช่แค่ตำรวจที่เป็นพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบ สำนักงานอัยการสูงสุดโดยหน้าที่เป็นผู้รับผิดชอบสำนวน และตำรวจเป็นผู้ร่วมภายใต้คำสั่งของพนักงานอัยการ เพราะเป็นคดีนอกราชอาณาจักร จึงอยากให้ดูว่าไม่มีใครหลุดรอดไปจากการดำเนินคดี ส่วนที่สอง คือ มีบางส่วนที่ยังไม่ถูกจับกุมมา เท่าที่ตรวจสอบออกหมายจับไว้ 155 หมาย เสียชีวิตไป 2 ราย เหลือ 153 หมาย ถึงวันนี้จับไปแล้วคงเหลือ 31 หมาย ก็เร่งรัดอยู่ ใครที่หลบหนีพยายามจับกุมมาดำเนินคดีให้ได้หมด บางรายที่ฟ้องไป 116 ราย ส่วนใหญ่ศาลสั่งลงโทษ บางรายถูกตัดสิน 1,600 กว่าปี

“เท่าที่ได้ตรวจสอบบุคคลที่มีชื่อเสียงทั้งหลายก็ไม่มีแล้ว ก็โดนทุกคน ถ้ามีอะไรที่มากไปกว่านี้ก็ยินดี แต่ตรวจสอบไปหลายรอบแล้ว จึงอยากให้ทำความเข้าใจว่าไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมาย เพราะช่วงนี้โดยส่วนตัวเป็นห่วงภาพลักษณ์ประเทศ เพราะเป็นช่วงที่มีการทำเรื่องปัญหาการค้ามนุษย์ของประเทศไทย หรือ TIP Report ไม่ทราบว่าจะมีผลกระทบกระเทือนแค่ไหน จึงอยากให้ช่วยเสนอในแง่มุมทางนี้ด้วย เพราะการที่กล่าวหากันไปกันมาเป็นเรื่องระหว่างบุคคลกับบุคคล ท่านสามารถใช้สิทธิได้ แต่เราเป็นเจ้าหน้าที่ก็ดูในภาพรวมว่ามีใครไหมที่หลุดรอดไปจากกระบวนการยุติธรรมซึ่งไม่มี ผมชี้แจงไปหลายครั้งแล้วก็น่าจะพอเพียง” ผบ.ตร.กล่าว

เมื่อถามถึงกรณีที่มีบุคคลทำให้ภาพลักษณ์เสียหายทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะมีการฟ้องร้องหรือไม่ พล.ต.อ.สุวัฒน์ กล่าวว่า นโยบายต้องพิจารณาว่าถ้าคนทำให้เกิดความเสียหายในรูปคดีหรือไม่ ทีมสอบสวนจะต้องพิจารณาว่าประเด็นดังกล่าวจำเป็นจะต้องไปทำการสอบสวนเพิ่มเติมหรือไม่ หากเป็นการทำลายหลักฐานประจักษ์พยาน หรือทำให้พนักงานสอบสวนเสียหายก็ต้องว่ากัน ตามหลักการเป็นแบบนั้น ส่วนรายละเอียดก็ต้องพิจารณาว่าใครเข้าเงื่อนไขนี้บ้าง ส่วนการวิพากษ์โดยบริสุทธิ์ใจเป็นสิทธิสามารถทำได้

ถามต่อว่า มีบางส่วนที่ยังไม่เชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม พล.ต.อ.สุวัฒน์ กล่าวว่า ผมคิดว่าเป็นการเรียนรู้ของสังคม เราต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่าคนส่วนหนึ่งไม่เชื่ออาจเป็นเพราะเราทำตัวไม่น่าเชื่อถือหรืออะไรก็ตามแต่เราต้องหาวิธีแก้ ผมมองว่าเป็นโอกาสดีที่ได้แสดงให้เห็นว่าระบบที่เราอยู่ทุกวันนี้เป็นอย่างไร เราอยู่กับระบบยุติธรรมและเราไม่เชื่อในระบบที่เรามี ประเทศก็เดินไม่ได้ ส่วนจะผิดจะถูกเป็นอีกเรื่องหนึ่ง เราจะต้องพิจารณาก่อนว่าระบบเป็นอย่างไร

ถามต่อว่า กรณีนี้เป็นการดิสเครดิตตำรวจและรัฐบาลหรือไม่เพราะอยู่ในช่วงการจัดอันดับการค้ามนุษย์ พล.ต.อ.สุวัฒน์ กล่าวว่า เรื่องดิสเครดิตอาจเป็นเจตนาพิเศษ แต่ไม่อยากไปตรงนั้น ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นมาก็จะมีคนหยิบประเด็นไป อาจเป็นประโยชน์ทางตรง ทางอ้อมเป็นธรรมชาติของสังคมเป็นธรรมดา แต่อย่างไรก็ตามเราต้องดูภาพรวมก่อน เขาเชื่อถือตำรวจแค่ไหน หากชาวบ้านไม่เชื่อถือ เราทำงานไม่ได้ ซึ่งจะต้องหาวิธีว่าจะทำอย่างไรให้เกิดความเข้าใจกัน

“ส่วนคดีแตงโม เมื่อวานนี้ ทางพนักงานสอบสวนก็ได้ชี้แจงไปเท่าที่เขาชี้แจงได้ เขาพยายามหยิบอันนู้นอันนี้มา แต่คนก็ไม่เชื่ออยู่ดี คนถ้าไม่เชื่อก็คือไม่เชื่อ แต่ผมยังเชื่อว่า มีคนที่เชื่อ จริงๆ แล้ว เราพยายามทำตามกติกาตามหลักการ หากมีโอกาสจะแสดงให้เห็นว่าระบบของการสืบสวนสอบสวนทำอย่างไร พยายามจะเปิดการอบรมสัมมนา” ผบ.ตร.กล่าว

ส่วนคดีโรฮิงญามีการนำเสนอของสื่อต่างประเทศด้วย พล.ต.อ.สุวัฒน์ กล่าวว่า เรื่องนี้จะต้องทำการอธิบายประชาสัมพันธ์ไป ในส่วนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติก็ได้ทำไปแล้ว เช่นเดียวกับกระทรวงกลาโหม ก็ได้ชี้แจงไปแล้ว แต่ตนอยากให้ดูระยะยาว เพราะสุดท้ายแล้วคนก็ถูกดำเนินคดีไปเกือบทั้งหมดแล้ว มีบางรายที่ศาลไม่ลงโทษด้วยเหตุผลของกฎหมาย ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ไม่ตั้งใจทำ ไม่ใช่อย่างนั้น ส่วนเรื่องการเชื่อหรือไม่เชื่อ ถ้าเป็นเรื่องของความบริสุทธิ์ใจก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ถ้ามีเหตุผลหนุนหลังพิเศษ สมมติเป็นเรื่องการเมืองก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

ถามต่อว่า หากเป็นเหตุผลทางการเมืองจากกล่าวโทษลอยๆ โดยไม่มีหลักฐาน จะดำเนินคดีอย่างไร พล.ต.อ.สุวัฒน์ กล่าวว่า จะต้องไปพิจารณาว่าเข้าข้อกฎหมายหรือไม่ เพราะการกระทำบางทีแบบนี้ก็ก้ำกึ่ง แต่ขอให้เป็นวิจารณญาณของประชาชน เมื่อถามว่าได้ติดต่อพูดคุยกับ พล.ต.ต.ปวีณ บ้างหรือไม่ พล.ต.อ.สุวัฒน์ กล่าวว่า ยังไม่มี ในชั้นต้นได้สำรวจตรวจสอบแล้วว่ามีอะไรที่ควรทำแล้วยังไม่ได้ทำมีไหม มีใครที่ยังรอดจากกระบวนการสืบสวนสอบสวนบ้างไหม เพราะเห็นท่านบอกว่ายังมีอีกที่ยังไม่ถูกดำเนินคดี เราก็พยายามหาอยู่ ก็ยังไม่เจอ

ถามอีกว่า มีการพูดชื่อพาดพิงไปถึงนายกฯ รองนายกฯ และ ผบ.ทบ. พล.ต.อ.สุวัฒน์ กล่าวว่า อันนั้นเป็นสิ่งที่ท่านพูด และเป็นการคุยกันระหว่างตัวบุคคล ไม่มีใครรู้ว่าเป็นอย่างไร สมมติเป็นอย่างที่ว่าจริงมีการช่วยเหลือกันจริงผลก็ต้องไม่ออกมาแบบนี้ และทาง พล.ท.มนัส ก็เสียชีวิตไปแล้วในเรือนจำ หากมีการช่วยกันจริงมันไม่ใช่แบบนี้ อีกอย่างหนึ่งหากมีการช่วยกันจริงตนถามว่าจะช่วยได้หรือ คนๆ เดียวทำได้หรือไม่ คดีนี้พนักงานสอบสวนมีเป็นร้อยคน คนหนึ่งจะสามารถไปสั่งทั้งขบวนการ สมมติหากช่วยกันคุณไปสั่งอย่างโน่นอย่างนี้สั่งได้หรือไม่ และตำรวจเป็นผู้รับผิดชอบหลักหรือไม่ก็ไม่ใช่ เอาตรรกะมาคุยกันดีกว่า เป็นการอ้างอิงการพูดคุยของคนสองคนไม่ได้ ผมจึงอยากให้ดูผลลัพธ์

มีรายงานว่า พล.ต.อ.สุวัฒน์ มีคำสั่งด่วนถึง พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร.(ปป) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว ป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ และภาคประมง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ผอ.ศพดส.ตร.) ตรวจสอบกรณี พล.ต.ต.ปวีณ พงศสิรินทร์ อดีต รอง ผบช.ภ.8 และอดีตหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีค้ามนุษย์โรฮิงญาให้สัมภาษณ์ผ่านสำนักข่าวต่างประเทศ เมื่อวันที่ 23 เม.ย.ที่ผ่านมา มีการนำเสนอประเด็นที่ปรากฏเนื้อหาในลักษณกระทบกับภาพลักษณ์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือ ทำให้เกิดความเสียหายแก่ทางราชการ ในรายการ “101 East” สำนักข่าวอัลจาซีร่า ได้เผยแพร่สารคดีชื่อ “Thailand's Fearless Cop” ทางช่องยูทูบ สัมภาษณ์ พล.ต.ต.ปวีณ และหนังสือ ฝอ.ศพดส.ตร. ด่วนที่สุด ที่ 0057/918 ลง 24 เม.ย. 65 ตรวจสอบความคืบหน้าสถานภาพการดำเนินคดีค้ามนุษย์ในส่วนที่เกี่ยวข้อง จากกรณี พล.ต.ต.ปวีณ ให้สัมภาษณ์ สำนักข่าว Al Jazeera เปิดเผยข้อมูลขบวนการค้ามนุษย์ในประเทศไทย และมีการกล่าวพาดพิงถึงการดำเนิน คดีอาญาที่ 148/2558 ของ สภ.ปาดังเบซาร์ นั้น เนื่องจากกรณีดังกล่าวมีลักษณะที่อาจส่งผลกระทบกับภาพลักษณ์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือทำให้เกิดความเสียหายแก่ทางราชการ ตลอดทั้งเป็นการเกี่ยวโยงกับคดีที่มีความสำคัญ

“ให้รอง ผบ.ตร.(ปป) และ ผอ.ศพดส.ตร.ควบคุมกำกับดูแล การปฏิบัติ และเร่งรัดติดตามการดำเนินการจับกุมผู้ต้องหาที่มีการออกหมายจับ ตามหนังสือ ฝอ.ศพดส.ตร.ด่วนที่สุด ที่ 0057/918 ลงวันที่ 24 เม.ย. 2565 ตรวจสอบและรวบรวมความคืบหน้าทางคดีดังกล่าวให้เป็นปัจจุบัน"หนังสือคำสั่ง ระบุ
กำลังโหลดความคิดเห็น