xs
xsm
sm
md
lg

ป.เตรียมสอบพยานเพิ่ม หลังพบอดีตไวยาวัจกร วัดบวรฯ ทุจริตเงินวัดอีก 2 แห่ง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม



MGR Online - กองปราบเตรียมลงพื้นที่ จ.ตราด สอบพยานบุคคล หลังพบอดีตไวยาวัจกร วัดบวรฯ ทุจริตเงินวัดสาขาเพิ่มอีก 2 แห่ง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันพรุ่งนี้ (6 เม.ย.) เวลาประมาณ 09.00 น. ทีมคณะพนักงานสอบสวนกองปราบปราม จะนำกำลังลงพื้นที่ยัง วัดรัตนวราราม จ.ตราด อีกครั้ง เพื่อสอบปากคำพยานบุคคลต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับคดีโดยเฉพาะเจ้าอาวาสวัด และพระลูกวัด รวมถึงเจ้าของโรงโม่เพชรสยามศิลาตราด ซึ่งเป็นผู้ทำบัญชีของวัด เพื่อตรวจสอบข้อมูลรายละเอียดบัญชีการเงินของวัด หลังมีการตรวจสอบพบเพิ่มเติมว่า นายเนย ได้มีการทุจริตยักยอกเงินวัดสาขาในพื้นที่ จ.ตราด อีก 2 วัด อาทิ วัดรัตนวราราม และ วัดคีรีวิหาร ซึ่งเป็นงบจัดสร้างวัดรัตนวราราม 80 กว่าล้านบาท และ งบจัดสร้างโรงเรียนวัดคีรีวิหาร อีกกว่า 10 ล้านบาท

ทั้งนี้ จากการสอบถาม พระโสภณธรรมธาดา (หัน คุณวตฺโต) เจ้าอาวาสวัดคีรีวิหาร กล่าวถึงกรณีปรากฏข่าวเรื่องการทุจริตเงินพัฒนาวัดคีรีวิหาร และโรงเรียนคีรีวิหาร ว่า ไม่ทราบเรื่องนี้ เพิ่งมาทราบจากผู้สื่อข่าว ซึ่งสมเด็จวันรัตท่านเป็นผู้เกิดที่ตำบลชำราก และบวชเรียนที่วัด และได้ไปเรียนที่วัดบวรนิเวศวิหาร และเมื่อเติบโตขึ้นและมีตำแหน่งทางสงฆ์ จึงได้เดินทางมาพัฒนาวัดคีรีวิหาร ที่เคยได้บวชเเละเรียน ซึ่งมาดำเนินการเมื่อปี 2523 ด้วยการเดินทางมาและนำกฐินมาทอดอย่างต่อเนื่องทุกปี ซึ่งได้มีการสร้างกุฏิ และบูรณะวัด และได้มีสร้างที่พักในบริเวณวัด ซึ่งใช้เป็นที่พักของสมเด็จวันรัต เมื่อเดินทางมาที่ จ.ตราด

“ส่วนเรื่องการนำเงินพัฒนาวัดและโรงเรียนนั้น อาตมาไม่ทราบเรื่องเงิน และไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องแต่ประการใด เพราะเป็นเงินคนละส่วน และไม่มีกรรมการวัดรับรู้ทั้งสิ้น ส่วนจะมีมาดำเนินการนั้นไม่รู้ ส่วนสถานที่ก่อสร้างโรงเรียน ก็เป็นเพียงผู้จัดหาให้เท่านั้น”

ขณะที่ ผู้คุมงานก่อสร้าง (ไม่ขอเปิดเผยชื่อ) ที่กำลังคุมแรงงานก่อสร้างโรงอาหาร-โรงยิม โรงเรียนวัดคิรีวิหาร (สมเด็จพระวันรัต อุปถัมภ์) ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าว ว่า ตนเองเป็นลูกศิษย์คนหนึ่งของเจ้าประคุณ สมเด็จพระวันรัต เมื่อเวลามีการโครงการก่อสร้างของเจ้าประคุณ ตนเองก็จะเป็นได้รับความไว้วางใจให้เข้าคุมแรงงานก่อสร้าง โดยอาคารโรงเรียนวัดคิรีวิหารทั้งหมด ตนเองเป็นผู้คุมงานแรงงานก่อสร้างทุกหลัง และจะมีลูกศิษย์อีกคนหนึ่งของเจ้าประคุณ เข้ามาตรวจงานอีกรอบ ส่วนเรื่องงบประมาณในการก่อสร้างอาคารแต่ละหลังของโรงเรียนนั้น ตนเองไม่รู้ยอดเงิน เพราะที่ผ่านมา เจ้าประคุณจะเบิกเงินมาจ่ายให้เองในแต่ละงวด จึงไม่มีปัญหาในเรื่องของการทุจริต แต่เมื่อเจ้าประคุณเข้ารักษาอาการอาพาธโรคมะเร็งถุงน้ำดี เมื่อเดือนธันวาคม 2564 พบพฤติกรรมที่นายเนยเขียนเช็คออกมา เพื่อนำเงินไปจ่ายตามโครงการก่อสร้างต่างๆ แต่ไม่ยอมนำไปให้ เป็นลักษณะที่เก็บเช็คเอาไว้เอง

ทางด้าน นายสุรศักดิ์ อิงประสาร หรือ เสี่ยเพ่ง เจ้าของโรงโม่เพชรสยามศิลาตราด ผู้บริจาคที่ดิน 30 ไร่เพื่อก่อสร้างวัดรัตนวราราม ว่า ส่วนตัวรู้จักสมเด็จพ่อ (สมเด็จพระวันรัต) เมื่อ 6 ปีที่ผ่านมา และเมื่อทราบว่าท่านต้องการสร้างวัด จึงได้บริจาคที่ดินจำนวน 30 กว่าไร่ เพื่อก่อสร้างวัดที่เรียกว่า วัดรัตนวราราม ซึ่งกว่าจะดำเนินการก่อสร้างได้ ต้องขออนุญาตจากสำนักพุทธจังหวัดตราด เพื่อส่งไปยังส่วนกลาง ซึ่งเมื่อได้รับการอนุญาตแล้ว ได้ดำเนินการวางศิลาฤกษ์ โดยมี พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา มาเป็นประธาน หลังจากนั้น สมเด็จพ่อได้มอบหมายให้คนชื่อเนยและมงคลเข้ามาดูแล และโอนเงินเข้ามาในบัญชีของโรงโม่เพชรสยามศิลาตราด ซึ่งการเบิกจ่ายต้องมี 3 คน ซึ่งตนเองก็เป็น 1 ในนั้น แต่จะไม่เคยไปเบิกจ่ายในธนาคาร เพราะจะมีผู้เบิกจ่ายแทน โดยเงินทั้งหมดที่ดำเนินการก่อสร้างมา 5-6 ปีนั้น ผ่านเข้าบัญชีจำนวน 134 ล้านบาท และก่อนที่สมเด็จพ่อจะเสียชีวิตนั้น ได้มีการโอนเงินมาให้ 19 ล้าน เพื่อดำเนินก่อสร้างในส่วนที่เหลือ อีก 10%

นายสุรศักดิ์ กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมา ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องการเบิกจ่ายเงินใดๆ และไม่มีส่วนร่วมการยักยอกเงินในครั้งนี้ เพราะว่าการเบิกเงินจะมีผู้รับรู้อยู่ 3 คน และการเบิกจ่ายจะใช้ 2 ใน 3 แต่ผมไม่เคยไปเบิกเลย เเต่เมื่อมีค่าใช้จ่ายเท่าไร ก็จะแจ้งไปแล้วนำมาจ่าย ทั้งในเรื่องค่าแรง ค่าวัสดุก่อสร้าง หรือค่าใช้จ่ายอื่นๆ ซึ่งสามารถตรวจสอบได้ทั้งหมด ซึ่งเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้มาก เพราะคนใกล้ชิดเป็นผู้กระทำ ซึ่งก่อนหน้านี้ สมเด็จพ่อได้เปรยมาว่า ขอให้เร่งสร้างให้เสร็จก่อนที่จะไม่ได้เห็นวัด ซึ่งก็ไม่คิดว่าจะมีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น แต่ก็ต้องเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จตามเจตจำนงของสมเด็จพ่อให้ได้ โดยในวันที่ 6 เมษายน 65 ทาง ผบก.ป.จะเดินทางมาพบที่โรงโม่หินเพชรสยามศิลาตราด เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่งพร้อมที่จะให้ดำเนินการตรวจสอบทั้งหมด และมีหลักฐานที่จะให้ทางตำรวจกองปราบได้รับรู้ด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น