MGR Online - “เจ้าคุณแจ็ค” พร้อม 11 เจ้าอาวาส เข้าพบ ตำรวจ ปปป. รับข้อหาทุจริตเงินทอนวัดเพิ่ม 2 คดี เผย เครียดหนักพยายามผูกคอฆ่าตัวตาย แต่ดวงลูกศิษย์ช่วยได้ทัน
วันนี้ (1 มี.ค.) ที่ บก.ปปป. เมื่อเวลา 13.00 น.พระสิทธิวรนายก หรือ “เจ้าคุณแจ็ค” เจ้าอาวาสวัดเขาทุเรียน และ รองเจ้าคณะจังหวัดนครนายก เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.พิทักษ์ วาฤทธิ์ ผกก.2 บก.ปปป. เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาเพิ่มในคดีเงินทอนวัดเฟส 4 โดยเจ้าคุณแจ็ค ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนที่มารอทำข่าว จากนั้นก็รีบเดินเข้าห้องพนักงานสอบสวน
ทั้งนี้ ตำรวจ บก.ปปป. สนธิกำลังร่วมกับ หน่วยงานอื่นๆ ในสังกัด บช.ก. และ ป.ป.ช. เปิดปฏิบัติการ “ล้างบาปปราบอลัชชี” สางต่อคดี ทุจริตเงินทอนวัดเฟส 4 ลุยค้น จ.นครนายก จ.นนทบุรี และ กทม. บุกรวบพระสิทธิวรนายก คากุฏิ เจอทั้งเหล้า ถุงยาง และปืนบีบีกัน หลังสืบสวนพบร่วมกับ “นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์” อายุ 64 ปี อดีต ผอ.พศ. ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดนครนายก ที่ จ.15 /65 ลงวันที่ 15 ก.พ. 2565 ข้อหา “สมคบและร่วมกันฟอกเงิน” และเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับคดีทุจริตเงินทอนวัดครั้งแรกที่ยังหลบหนี อมเงินบูรณะซ่อมแซม 12 วัดใน จ.นครนายก ไป 110 ล้านบาท จากวัดต่างๆ มาเก็บไว้ แล้วเล่นแร่แปรธาตุเอาไปซื้อที่ดินในชื่อเมีย-ลูกอดีต ผอ.พศ. กว่า 21 ล้านบาท จึงมีการเร่งขยายผลตรวจสอบเส้นทางการเงินกลุ่มบุคคลใกล้ชิดพระสิทธิวรนายก และ นายนพรัตน์ เพื่อติดตามเงินส่วนที่หายไปอีกกว่า 90 ล้านบาท พร้อมกับเตรียมเชิญตัว 11 เจ้าอาวาสวัดต่างๆ ในพื้นที่ จ.นครนายก มาสอบปากคำเพิ่มเติมอีกรอบ เพื่อสอบข้อเท็จจริงว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริตดังกล่าวด้วยหรือไม่
รายงานว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา เจ้าอาวาสจำนวน 11 วัด แบ่งเป็นในพื้นที่ จ.นครนายก จำนวน 9 วัด และ จ.ปราจีนบุรี 2 วัด เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.พิทักษ์ เพื่อเข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนเพิ่มเติมตามหมายเรียก
พ.ต.อ.พิทักษ์ กล่าวว่า สำหรับการเชิญตัวพระสิทธิวรนายก มาเข้าพบในวันนี้ก็เพื่อทำการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มอีก 2 คดี เพราะเป็นการกระทำผิดต่างกรรมต่างวาระ หลังก่อนหน้ามีการแจ้งไปแล้ว 1 คดี ขณะที่ในส่วนของเจ้าอาวาสรูปอื่นๆ อีก 11 รูป เป็นการเรียกมาเข้าพบเพื่อสอบปากคำเพิ่มเติมในบางประเด็นที่ยังมีข้อเคลือบแคลงสงสัย ทั้งนี้ก็เพื่อพิสูจน์ทราบข้อเท็จจริงให้แน่ชัดว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดด้วยหรือไม่
พ.ต.อ.พิทักษ์ กล่าวต่อว่า สำหรับการสอบปากคำ เจ้าอาวาสทั้ง 11 รูป เบื้องต้นให้การเป็นประโยชน์ และสอดคล้องไปในทิศทางเดียวกัน คือ อ้างว่าเงินงบประมาณที่ได้รับจากสำนักพระพุทธศาสนา ได้ถอนเป็นเงินสดแล้วนำไปมอบให้กับ พระสิทธิวรนายก ที่วัดเขาทุเรียน ทั้งหมด อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่เองก็ยังไม่ได้ปักใจเชื่อคำให้การทั้งหมด เพราะต้องพิจารณาควบคู่ร่วมกับพยานหลักฐาน อีกทั้งเงินที่ทุจริตในครั้งนี้มีจำนวนถึง 110 ล้านบาท จึงต้องตรวจสอบอย่างละเอียดให้แน่ชัดก่อน
พ.ต.อ.พิทักษ์ กล่าวอีกว่า ส่วนเจ้าคุณแจ็ค เบื้องต้นยอมรับว่าเงินที่ได้มาทั้งหมดจะถูกนำไปให้กับ นายนพรัตน์ หลังจากนี้ จะมีการประสาน ปปง.เข้ามาช่วยในการตรวจสอบเส้นทางการเงิน เพื่อเร่งตามหาเงินส่วนที่เหลืออีกกว่า 90 ล้านบาท กลับคืนให้ได้มากที่สุด อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นจากการตรวจสอบพบว่ามีการยักย้ายถ่ายโอนเงินไปยังต่างประเทศในช่วงระหว่างปี 59 ส่วนกรณีที่พบขวดเหล้า เบียร์ ถุงยางอนามัย ในกุฏิของพระสิทธิวรนายก นั้นจะมีความผิดหรือไม่ ไม่สามารถระบุได้เพราะกรณีดังกล่าวอยู่นอกเหนืออำนาจหน้าที่ของตำรวจ ต้องขึ้นอยู่กับดุลพินิจของทางสำนักพุทธฯเป็นผู้พิจารณา
รายงานข่าวแจ้งว่า หลังตกเป็นผู้ต้องหาในคดีดังกล่าวขึ้นมา พระสิทธิวรนายก หรือ เจ้าคุณแจ๊ค มีอาการเครียดและวิตกกังวลอย่างหนัก ถึงขั้นพยายามผูกคอฆ่าตัวตาย แต่เคราะห์ดีมีลูกศิษย์เข้ามาพบและให้การช่วยเหลือได้ทันท่วงที จึงรอดปลอดภัย โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา
ต่อมา พ.ต.อ.พิทักษ์ กล่าวภายหลังเสร็จสิ้นขั้นตอนการสอบปากคำและแจ้งข้อกล่าวหากับ พระสิทธิวรนายก เพิ่มเติมอีก 2 คดีเสร็จสิ้นแล้วว่า ได้ทำการปล่อยตัวกลับไป ก่อนจะนัดหมายให้มาเข้าพบอีกครั้งหลังจากนี้ประมาณ 14 วัน เพื่อมาซักถามในบางประเด็นที่ยังคงมีข้อเคลือบแคลงสงสัย เพื่อตรวจสอบให้แน่ชัดว่ามีบุคคลอื่นหรือพระรูปอื่นเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ต่อไป นอกจากนี้ ทางพนักงานสอบสวนยังได้ออกหมายเรียกเจ้าอาวาสวัดอีก 2 แห่งในพื้นที่ จ.สุรินทร์ และ บุรีรัมย์ ให้มาเข้าพบในวันที่ 8 มี.ค. ที่จะถึงนี้ เพื่อให้ปากคำในฐานะพยาน หลังพบหลักฐานว่า พระสิทธิวรนายก ได้กระทำการทุจริตในลักษณะเดียวกันกับวัดดังกล่าวทั้ง 2 แห่งนี้ ซึ่งหากพบว่ามีการกระทำผิดจริงก็อาจมีการพิจารณาดำเนินคดีเพิ่มเติมกับพระสิทธิวรนายก อีกคดี