MGR Online - “บิ๊กตู่” เปิดงาน “มหกรรมไกล่เกลี่ยหนี้สินครัวเรือน” ลดความเดือดร้อนประชาชน “สมศักดิ์” หวังช่วยชาวบ้านพ้นปัญหา ยันรัฐบาลใส่ใจการแก้หนี้จริงจัง
วันนี้ (25 ก.พ.) เวลา 10.00 น. ที่ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค กระทรวงยุติธรรม จัดงานมหกรรมไกล่เกลี่ยหนี้สินครัวเรือน ครั้งที่ 1 กรุงเทพมหานคร และปริมณฑล โดยมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดงาน พร้อมด้วย นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม, นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง, นายประทีป กีรติเลขา รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง, ศาสตราจารย์พิเศษวิศิษฎ์ วิศิษฎ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงยุติธรรม, นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ปลัดกระทรวงการคลัง, นางทัศนีย์ เปาอินทร์ อธิบดีกรมบังคับคดี, นายเรืองศักดิ์ สุวารี อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ผู้บริหารระดับสูง สถาบันการเงินต่างๆ และประชาชน เข้าร่วมงาน
นายสมศักดิ์ กล่าวรายงานว่า เนื่องจากกรณีที่รัฐบาลประกาศให้ปี 2565 เป็นปีแห่งการแก้หนี้ นายกรัฐมนตรีให้ 8 แนวทางในการช่วยเหลือประชาชน แต่มี 4 หัวข้อที่กระทรวงยุติธรรมช่วยเหลือได้ทันที คือ 1. การแก้ปัญหาหนี้กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) 2. การแก้ปัญหาหนี้บัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล 3. แก้ปัญหาหนี้เช่าซื้อรถยนต์ (ลิสซิ่ง) และ 4. ปรับปรุงขั้นตอนกระบวนการยุติธรรม อำนวยความสะดวกการไกล่เกลี่ย ทำให้กระทรวงยุติธรรม เร่งดำเนินการ โดยให้ นายโฆสิต สุวินิจจิต ประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท กระทรวงยุติธรรม (กรุงเทพฯและปริมณฑล) และ นายวิวรรธนไชย ณ กาฬสินธุ์ ประธานคณะกรรมการประสานงานแก้ไขปัญหาหนี้สิน กยศ. ดำเนินการ พบว่า มี 2 หน่วยงาน ที่ช่วยเหลือประชาชนได้ คือ กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ที่จะช่วยไกล่เกลี่ยก่อนการฟ้องคดี และกรมบังคับคดี ที่ช่วยไกล่เกลี่ยภายหลังศาลมีคำพิพากษา ดังนั้น จึงเร่งประสานงานไปยังสถาบันการเงินสำเร็จและสามารถจัดงานมหกรรมแก้หนี้ครั้งนี้ได้ นอกจากนี้ ยังมีคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เข้ามาให้คำปรึกษาทางการเงินแก่ประชาชนด้วย
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า สาเหตุที่เลือกกรุงเทพฯ และปริมณฑล เป็นที่จัดงานครั้งแรก เพราะเราตระหนักดูความเดือดร้อน และเห็นว่า ในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล มีลูกหนี้มากถึง 95,850 ราย รวมมูลค่า 10,576 ล้านบาท แบ่งเป็นผู้เป็นหนี้ก่อนฟ้อง 48,590 ราย มูลค่า 4,186 ล้านบาท ประกอบด้วย หนี้สินเชื่อบัตรเครดิต 24,370 ราย สินเชื่อรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ 3,924 ราย ลูกหนี้ กยศ. 20,296 ราย ส่วนของบังคับคดี มีส่วนที่มีคำพิพากษาแล้ว 47,260 ราย มูลค่า 6,390 ล้านบาท บุคลลที่เข้ามาร่วมงาน จะได้สิทธิประโยชน์ชั้นก่อนฟ้อง คือ ขยายระยะเวลาการชำระหนี้ ลดเบี้ยปรับ ลดดอกเบี้ย ลดค่างวดรายเดือน งดฟ้องดำเนินคดี และรับเงื่อนไขปลดผู้ค้ำประกัน ในส่วนของชั้นบังคับคดี จะได้รับสิทธิ คือ ขยายเวลาผ่อนชำระหนี้ ลดเบี้ยปรับ ลดจำนวนเงินผ่อนชำระหนี้ งดยึดทรัพย์ งดขายทอดตลาด ลูกหนี้จะไม่ถูกบังคับคดี และยังมีสิทธิประโยชน์อื่นๆ อีกมากมาย
“ผมในนามของ รมว.ยุติธรรม ขอยืนยันว่า เราจะเป็นหน่วยงานที่สนองการทำงานของรัฐบาลให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ยึดประโยชน์ และมุ่งเดินหน้าแก้ปัญหาของประชาชนที่เดือดร้อน และจากนี้เราจะลงไปยังทุกจังหวัดในประเทศไทย เพื่อทำให้ประชาชนเห็นว่ารัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ ใส่ใจในการแก้หนี้ให้กับประชาชน” นายสมศักดิ์กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวเปิดงานว่า ตามนโยบายของรัฐบาลที่ได้ประกาศต่อประชาชน ว่า ปีนี้ คือ ปีแห่งการแก้หนี้ภาคครัวเรือน ที่แบ่งออกเป็น 8 ด้าน ทำให้เห็นได้ว่ารัฐบาลเข้าใจ ความเดือดร้อนของประชาชน ใส่ใจในปัญหาเรื่องหนี้สินครัวเรือน ประกอบกับสภาวะปัจจุบันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ประชาชนบางส่วนถูกเลิกจ้าง ถูกหักเงินเดือน รัฐบาลมีความห่วงใย จึงเดินหน้าหาช่องทางแก้ภาระหนี้สินของประชาชนทั่วประเทศ ขณะเดียวกัน รัฐบาลก็พยายามเยียวยาหาทางชดเชยรายได้ให้อยู่เสมอ เช่น โครงการคนละครึ่ง บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เราชนะ เรารักกัน ขอให้เชื่อว่า รัฐบาลนี้ไม่เคยคิดทอดทั้งประชาชน โดยเป้าหมายของงานมหกรรมไกล่เกลี่ยหนี้ในครั้งนี้ มีสถาบันการเงินเข้าร่วมมากถึง 16 แห่ง และ กยศ. มีเป้าหมายสำคัญที่ต้องการช่วยเหลือในเรื่องไกล่เกลี้ยหนี้สิน การเจรจาลดดอกเบี้ย ปรับโครงสร้างหนี้ การลดปัญหาในเรื่องการฟ้องร้อง และการถูกยึดทรัพย์สินขายทอดตลาด
“ผมต้องขอบคุณสถาบันการเงินที่เข้าร่วมในงานมหกรรมไกล่เกลี่ยหนี้สินครัวเรือนครั้งนี้ พวกท่านเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือประชาชน และอยากให้ประชาชนที่เป็นหนี้มาร่วมโครงการมากๆ ปัญหาหนี้สินจะได้คลี่คลาย จากนี้งานมหกรรมไกล่เกลี่ยหนี้สินครัวเรือนจะมีไปยังทั่วประเทศ รัฐบาลขอยืนยันว่าจะไม่ทอดทิ้งพวกท่าน และผมในฐานะนายกรัฐมนตรีจะทำให้ดีที่สุด เพื่อประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และต้องขอบคุณกระทรวงยุติธรรมที่ผลักตันโครงการนี้ให้เดินหน้าเป็นรูปธรรมหากประชาชนมีปัญหาการไกล่เกลี่ยหนี้สิน สามารถประสานไปยังกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ที่มีศูนย์ใกล่เกลี่ยทั่วประเทศ 667 แห่ง แบ่งเป็นในกรุงเทพฯ 234 แห่ง ครอบคลุมใน 50 เขต และอีก 433 แห่งในทุกจังหวัด ที่จะทำหน้าที่ไกล่เกลี่ยก่อนฟ้องคดี และกรมบังคับคดีที่มีศูนย์ใกล่เกลี่ยทั่วประเทศ 117 ศูนย์ เพื่อไกล่เกลี่ยข้อพิพาทหลังศาลมีคำพิพากษา ผมอยากเห็นประชาชนมาใช้บริการหน่วยงานของรัฐให้มาก เราต้องเดินหน้าแก้ปัญหาคลายทุกข์ให้เป็นสุขโดยยึดประโยชน์ของประชาชนเป็นที่สุด การดำเนินการต้องเสมอภาค และเท่าเทียม” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ได้มอบโล่รางวัลให้ศูนย์ไกล่เกลี่ย 9 หน่วยงาน และมอบโล่เชิดชูเกียรติผู้ส่งเสริม สนับสนุนและขับเคลื่อนงานไกล่เกลี่ยข้อพิพาทกระทรวงยุติธรรม และคณะได้เดินชมนิทรรศการ และการไกล่เกลี่ยหนี้สินของประชาชนที่มาร่วมงาน โดย นายสมศักดิ์ ได้ร่วมไกล่เกลี่ยหนี้ กยศ.ให้กับผู้ที่มาร่วมงานด้วย
ต่อมา นายสมศักดิ์ ได้มอบป้ายศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทภาคประชาชน พื้นที่กรุงเทพฯ และกล่าวว่า กระทรวงยุติธรรม ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการมีส่วนร่วมกับเครือข่ายภาคประชาชนเพื่อดำเนินการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท ตาม พ.ร.บ.การไกล่เกลี่ยข้อพิพาท ซึ่งศูนย์ไกล่เกลี่ย ถือเป็นกลไกสำคัญที่จะอำนวยความยุติธรรมให้พี่น้องประชาชนที่มีข้อพิพาท ทางแพ่งและข้อพิพาททางอาญาเข้าถึงความยุติธรรมด้วยความพึงพอใจของคู่กรณีทั้งสองฝ่าย และช่วยเหลือให้พี่น้องประชาชนเข้าถึงสิทธิในกระบวนการยุติธรรม และบริการของกระทรวงยุติธรรม ในระดับชุมชน ตนหวังว่า ทุกท่านจะร่วมแรงร่วมใจกับกระทรวงยุติธรรมช่วยเหลือพี่น้องประชาชนให้พ้นจากปัญหา พร้อมเข้าถึงความยุติธรรม อย่างทั่วถึงและเท่าเทียมกันสืบไป
ภายหลังการเปิดงานมหกรรมไกล่เกลี่ยหนี้สินครัวเรือน นายสมศักดิ์ ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า การจัดงานในครั้งนี้จะมี 2 วัน คือ 25 และ 26 ก.พ. ซึ่งตนอยากให้คนมาร่วมงานกันเยอะๆ หากใครมาไม่ทันวันนี้พรุ่งนี้ (26 ก.พ.) ก็ยังสามารถมาร่วมงานได้อยู่โดยงานนี้มีสิทธิพิเศษต่างๆ มากมายที่ไม่สามารถหาได้ในช่วงปกติ และจะทำเรื่องไกล่เกลี่ยได้เร็ววันเดียวจบไม่ต้องรอนาน ถ้าใครไม่มาถือว่าเสียโอกาสมากเพราะถ้ามาจะมีโอกาสต่อรองลดดอกเบี้ย ลดเงินต้นและค่าปรับต่างๆ กับสถาบันการเงินได้โดยตรง ถ้าหมดงานครั้งนี้ท่านยังสามารถไปที่ศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทภาคประชาชน ซึ่งมีครอบคลุมทั้ง 180 แขวงทั่วกรุงเทพฯ แต่จะไม่ได้สิทธิพิเศษเท่ากับในงานนี้ กระทรวงยุติธรรมมีหน้าที่เกี่ยวกับกฎหมายไกล่เกลี่ยทั้งก่อนฟ้องและหลังฟ้องคนที่เป็นหนี้ก่อนฟ้องสามารถไกล่เกลี่ยจบเรื่องที่งานนี้ได้ไม่ต้องถูกขึ้นศาลส่วนคนที่ถูกฟ้องแล้วก็จะไกล่เกลี่ยไม่ให้ถูกยึดทรัพย์
“หากใครไม่มาผมจะเสียใจมาก ขอให้รีบมายังทันอยู่และเราจะขับเคลื่อนไปยังจังหวัดอื่นๆ ทั่วประเทศ เรามีหลายช่องทางในการไกล่เกลี่ย แต่บางกรณีต้องคุยกันด้วยเหตุผลเราจึงจัดงานนี้ขึ้นมาเพื่อให้เจ้าหนี้กับลูกหนี้คุยกันหากมีเหตุผลดีเจ้าหนี้เขาก็ลดให้เยอะแต่หากใครไม่มาเราก็ไม่รู้จะช่วยได้ยังไง” นายสมศักดิ์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสมศักดิ์ ได้ร่วมไกล่เกลี้ยหนี้ กยศ. ด้วยตนเองเนื่องจากมีใบรับรองจากการอบรมผู้ไกล่เกลี่ย โดย น.ส.กมลรัตน์ ชูเดช เป็นหนี้มาเป็นระยะเวลาหลายปี รวมทั้งเงินต้นและเบี้ยปรับเป็นเงินทั้งหมด 360,000 บาท ผลการเจรจรา ปรากฏว่า กยศ.ให้สิทธิพิเศษลดเบี้ยปรับให้ 30% และลดหนี้เงินต้นเหลือ 30,000 บาท ผ่อนเหลือเดือนละ 400 บาทเท่านั้น เเต่เจ้าตัวขอผ่อนเเบบเดิมคือเดือนละ 2,000 บาท ซึ่งใช้เวลา 15 เดือนก็หมดหนี้และหากรายได้ดีก็จะผ่อนมากกว่านี้ให้หนี้หมดไว ซึ่งเจ้าตัวยอมรับว่าดีใจมากที่มาร่วมโครงการนี้จากนี้มั่นใจว่าจะปลดหนี้ที่เหลือให้หมดได้สำเร็จ