MGR Online - กองปราบล้อมจับ“กรด ชุมพร” อดีตทหารพราน หลอกขายอาวุธสงคราม ก่อนเชิด 2 ล้านหนี-รับนำไปใช้หนี้พนัน เตรียมปล้นร้านทองซ้ำ ลั่นยิงสู้ยอมตาย หากถูกจับ
วันนี้ (4 ก.พ.) ที่ กองปราบปราม เมื่อเวลา 11.00 น. พล.ต.ต.มนตรี เทศชัน ผบก.ป. พร้อมด้วย พ.ต.อ.ปทักข์ ขวัญนา ผกก.4 บก.ป. พ.ต.ท.เอกสิทธิ์ ปานสีทา รอง ผกก.4 บก.ป. พ.ต.ต.ศรัณย์ ศรีพักตร์ สว.กก.4 บก.ป. พ.ต.ต.ปิยะพร เรียนสุทธิ์ สว.กก.5 บก.ป. และเจ้าหน้าที่ กก.5 บก.ป., กก.สสน.บก.ป. หรือ ชุดปฏิบัติการพิเศษหนุมานกองปราบ, กก.4 บก.ปคม, กก.สืบสวน ภ.จว.ชุมพร และ สน.ดอนเมือง ร่วมกันแถลงผลจับกุม สิบเอก เขมฤทธิ์ นวลแก้ว หรือ กรด ชุมพร อายุ 34 ปี อดีตทหารพราน ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 1941/2564 ลงวันที่ 17 พ.ย. 64 ข้อหา “ร่วมกันวิ่งราวทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไป” หลังจับกุมตัวได้ที่ภายในอาคารพาณิชย์แห่งหนึ่ง ริมถนนเพชรเกษม ม.9 ต.ตากแดด อ.เมืองชุมพร จ.ชุมพร
พล.ต.ต.มนตรี กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อเดือน พ.ย. 64 ผู้ต้องหาได้มีการติดต่อธุรกิจซื้อขายสินค้าบางอย่างกับผู้เสียหายรายหนึ่ง ก่อนนัดหมายให้นำเงินสดจำนวน 2 ล้านบาท มาชำระค่าสินค้ากันที่ย่านดอนเมือง เมื่อผู้เสียหายมาถึง สิบเอก เขมฤทธิ์ พร้อมพวกอีก 2 คน ก็ได้ทำทีขอดูเงินในกระเป๋าสะพาย เพื่อตรวจสอบว่าครบถ้วนตามที่ตกลงหรือไม่ ก่อนจะอาศัยจังหวะที่ผู้เสียหายเผลอ คว้ากระเป๋าเงินวิ่งขึ้นรถเก๋งที่จอดรออยู่บริเวณใกล้เคียงแล้วขับหลบหนีไป หลังเกิดเหตุผู้เสียหายนำเรื่องเข้าแจ้งความไว้ที่ สน.ดอนเมือง ก่อนรวบรวมพยานหลักฐานขออำนาจศาลออกหมายจับไว้
พล.ต.ต.มนตรี กล่าวว่า จากแนวทางการสืบสวนทราบว่า สิบเอก เขมฤทธิ์ เคยรับราชการทหารสังกัดหนึ่ง มีความเชี่ยวชาญในการใช้อาวุธ อีกทั้งยังจบหลักสูตรการใช้อาวุธและการฝึกอบรมทางการทหาร เช่น หลักสูตรเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด (EOD), หลักสูตรสงครามทุ่นระเบิด มีประสบการณ์ในการปฏิบัติงานในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมถึงยังมีพฤติกรรมใช้ความรุนแรง มักจะพกพาอาวุธปืนติดตัว และมีการโพสต์ข้อความท้าทายขอยิงต่อสู้กับผู้เสียหาย อ้างยอมตาย แต่ไม่ยอมให้ถูกจับ การแกะรอยติดตามตัวผู้ต้องหารายนี้จึงต้องดำเนินการด้วยความระมัดระวังและรอบครอบที่สุด
ผบก.ป.กล่าวต่อว่า จากแนวทางสืบสวนทราบเบาะแสเพิ่มเติมอีกว่า สิบเอก เขมฤทธิ์ กำลังวางแผนตระเตรียมการที่จะก่อเหตุชิงทรัพย์ร้านทองภายในพื้นที่ อ.เมือง จ.ชุมพร จึงเร่งนำกำลังลงพื้นที่ปิดล้อมล้อมและสามารถจับกุมตัวได้โดยละม่อม ไม่มีเหตุความรุนแรงแต่อย่างใด พร้อมกันนี้ ยังได้ตรวจยึดอาวุธปืนพกสั้น ขนาด 11 มม. จำนวน 1 กระบอก, ซองบรรจุกระสุนปืน (แมกกาซีน) จำนวน 2 อัน บรรจุกระสุนปืนพร้อมใช้งาน, ลูกกระสุนปืนรวม 49 นัด, วัตถุคล้ายลูกระเบิด จำนวน 1 ลูก รวมถึงเสื้อคลุม, หมวกกันน็อก, ชุดส่งอาหารของไรเดอร์บริษัทแห่งหนึ่ง จำนวน 1 ชุด ภายในห้องพัก สอดคล้องกับข้อมูลสืบสวนที่ทราบว่าผู้ต้องหาเตรียมลงมือก่อเหตุใหม่อีกรอบ จึงได้ตรวจยึดทั้งหมดไว้เป็นของกลาง
ด้าน พ.ต.ท.เอกสิทธิ์ กล่าวว่า จากการสอบสวน สิบเอก เขมฤทธิ์ ให้การรับสารภาพว่าทำไปเพราะติดการพนันออนไลน์ มีหนี้สินจำนวนมาก จึงตัดสินใจหลอกลวงผู้เสียหายให้มาพบ แล้วก่อเหตุวิ่งราวทรัพย์ดังกล่าว ก่อนนำเงินไปใช้หนี้พนัน ส่วนอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนต่างๆ ที่ตรวจยึดได้นั้น อ้างว่าซื้อมาจากคนรู้จัก อยู่ระหว่างรอทำเรื่องโอนทางทะเบียน ขณะที่ในส่วนของชุดพนักงานส่งอาหาร ยอมรับว่า เตรียมไว้ใช้ในการอำพรางตัวเตรียมที่จะก่อเหตุชิงทรัพย์ร้านทอง แต่ก็มาถูกจับกุมตัวได้ดังกล่าว
ส่วน พ.ต.อ.ปทักข์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบประวัติ พบว่า สิบเอก เขมฤทธิ์ ออกจากราชการเมื่อปี 64 สาเหตุขาดราชการเกินกว่ากำหนด เพราะเดินทางผิดไปติดพนัน ทั้งนี้ โดยพื้นเพเดิมเป็นเด็กกำพร้า แต่ก็ถือเป็นอีกหนึ่งคนที่ความมุมานะ ตั้งใจเรียนจนจบปริญญาตรี มีความรู้รอบตัวสูง ผ่านการอบรมหลักสูตรต่างๆ หลายหลักสูตร กลายเป็นเสาหลักและเป็นที่คาดหวังของผู้คนรอบตัว กระทั่งเมื่อวันหนึ่งประสบความล้มเหลวในชีวิต หมดหนทาง จึงพร้อมที่จะตายเพื่อหลีกหนีปัญหา รวมถึงยังยอมรับว่าอาวุธต่างๆ ที่มีอยู่นั้นเตรียมไว้ใช้ก่อเหตุใหม่ และ ต่อสู้กับเจ้าหน้าที่หากถูกจับกุม เพราะต้องการให้ถูกวิสามัญ แต่ก็มาถูกจับกุมได้เสียก่อน ซึ่งหลังจากนี้จะนำตัวส่ง สน.ดอนเมือง ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
รายงานข่าวแจ้งว่า จากแนวทางสืบสวนทราบว่า สำหรับสินค้า ที่ สิบเอก เขมฤทธิ์ กับ ผู้เสียหาย เจรจาซื้อขายกันจนนำมาสู่เรื่องราวทางคดีนั้น เบื้องต้นพบว่าเป็นการติดต่อซื้อขายกระสุนปืนอาวุธสงคราม โดยก่อนเกิดเหตุผู้เสียหายได้ติดต่อสั่งซื้อกระสุนปืนสงครามจำนวนมากจากกลุ่มผู้ต้องหา โดยมีการนัดหมายเพื่อจะส่งมอบกัน แต่เมื่อถึงกำหนดนัดหมาย กลุ่มผู้ต้องหากลับออกอุบายขอตรวจสอบเงินจากผู้เสียหาย ก่อนจะก่อเหตุวิ่งราวเงินสดดังกล่าวแล้วหลบหนีไป
นอกจากนี้ ภายหลังจากถูกจับกุมตัว สิบเอก เขมฤทธิ์ ยังพยายามพูดอ้อนวอน ขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจวิสามัญ เพราะไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไปอีกด้วย