น.ส.คอรีเยาะ นายกสมาคมนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน เข้าพบพนักงานสอบสวน สน.ลุมพินี รับทราบข้อหาฝ่าพ.ร.ก.ฉุกเฉิน กรณีร่วมเวทีเสวนาราษฎรพิพากษา ม.112 แยกราชประสงค์
วันนี้ (13 ม.ค.) ที่ สน.ลุมพินี น.ส.คอรีเยาะ มานุแช นายกสมาคมนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน เดินทางมารับทราบข้อกล่าวหา จากกรณีถูกหมายเรียกข้อหาตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จากการร่วมกิจกรรม ราษฎรพิพากษามาตรา 112 เมื่อวันที่ 12 ธ.ค. 64
น.ส.คอรีเยาะ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 24 ธ.ค.ที่ผ่านมา ได้รับหมายเรียกจาก สน.ลุมพินี ลงวันที่ 22 ธ.ค. 64 ให้ไปพบพนักงานสอบสวนในข้อกล่าวหา ร่วมกันจัดกิจกรรมซึ่งมีการรวมกลุ่มกันของบุคคลที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่โรคโดยไม่ได้รับอนุญาต และร่วมกันชุมนุมหรือกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่โรคในพื้นที่กรุงเทพมหานครโดยไม่ได้รับอนุญาต หลังเป็นแขกรับเชิญร่วมเวทีเสวนา “ราษฎรพิพากษามาตรา 112” เมื่อวันที่ 12 ธ.ค. 64 ที่บริเวณแยกราชประสงค์
โดยวันนี้ตั้งใจมาเพื่อปฏิเสธข้อกล่าวหา เนื่องจากขณะนี้พื้นที่กรุงเทพฯ เป็นพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว ที่สามารถจัดกิจกรรมในลักษณะการรวมกลุ่มของประชาชนได้ นอกจากนี้ ยังเป็นเรื่องสิทธิเสรีภาพของประชาชนในการมีส่วนร่วมกับกิจกรรมทางการเมือง ทั้งนี้ ตนมองว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้กฎหมาย พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ดังกล่าว ในการกลั่นแกล้ง เนื่องจากมีการบังคับใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน กับประชาชนที่มีความเห็นต่างทางการเมืองโดยเฉพาะ
น.ส.คอรีเยาะ กล่าวต่อว่า ส่วนตัวไม่มีความกังวลอะไร เพียงแต่เป็นห่วงในด้านกระบวนการยุติธรรม ว่า จะถูกผู้มีอำนาจทางกฎหมายใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือในการลิดรอนสิทธิเสรีภาพของประชาชนหรือไม่
อย่างไรก็ตาม ตนก็ต้องทำตามกระบวนการยุติธรรม และเชื่อว่า จะบังคับใช้กฎหมายอย่างถูกต้อง โดยไม่ใช้เพื่อลิดรอนสิทธิของประชาชน ขณะนี้ตนทราบว่ามีผู้ที่โดนหมายเรียกจากการจัดกิจกรรมดังกล่าวประมาณ 17 คน และเดินทางมาพร้อมตนในวันนี้ 4 คน
ทั้งนี้ ยืนยันว่า ประชาชนมีสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกทางการเมืองตามที่รัฐธรรมนูญได้บัญญัติไว้นอกจากนี้ ตนมองว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 นั้น สามารถควบคุมได้ ตามรัฐบาลได้ประกาศออกมา ไม่ว่าจะเป็นทั้งด้านวัคซีน การรักษา หรือการเยียวยา จึงไม่จำเป็นต้องใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพื่อควบคุมการทำกิจกรรมของประชาชนในลักษณะที่เป็นการทำกิจกรรมทางการเมืองแต่อย่างใด