ศาลอาญามีคำสั่งให้ปล่อยชั่วคราว “รุ้ง-ปนัสยา” ต่อถึงวันที่ 16 มิ.ย.นี้ เพื่อให้โอกาสเรียนหนังสือ แต่กำหนดเงื่อนไข แต่ห้ามเดินทางออกนอกประเทศ ห้ามทำกิจกรรม ที่กระทบกระเทือนต่อสถาบันฯ และศาลในทุกด้าน
เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (13 ม.ค.) ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำสั่งขอปล่อยชั่วคราว ในคดีหมายเลขดำ อ.287/2564 ของ น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือ รุ้ง แกนนำม็อบคณะราษฎร จำเลยที่ 5 กรณีเหตุการณ์ชุมนุมปักหมุด ที่ท้องสนามหลวง เมื่อวันที่ 19-20 ก.ย. 2563 ต่อหรือไม่ ซึ่งก่อนหน้านี้ ได้รับการประกันตัวพร้อมเงื่อนไข จนครบกำหนดแล้วเมื่อวันที่ 12 ม.ค. 2564 ที่ผ่านมา
โดยช่วงเช้าวันนี้ พนักงานอัยการสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 7 โจทก์, น.ส.ปนัสยา-หรือ รุ้ง จำเลยที่ 5 และ นายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความ บิดาและมารดา จำเลยที่ 5 และผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.บุญเลิศ วิเศษปรีชา ม.ธรรมศาสตร์ เดินทางมาฟังคำสั่งศาล
ศาลพิเคราะห์แล้ว เห็นว่า กรณีสืบเนื่องมาจากที่ศาลได้เคยมีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวอย่างจำกัด ตั้งแต่วันที่ 30 พ.ย. 2564 จนถึงวันที่ 12 ม.ค. 2564 โดยวางเงื่อนไขต่างๆ ให้จำเลยที่ 5 ปฏิบัติในระหว่างการปล่อยชั่วคราวดังกล่าว ซึ่ง น.ส.ปนัสยา จำเลยที่ 5 ได้ปฏิบัติตามคำสั่งศาลโดยไม่ปรากฏว่าได้ประพฤติผิดเงื่อนไขในการปล่อยชั่วคราวแต่อย่างใด การที่จำเลยที่ 5 ขอให้ปล่อยชั่วคราวจำเลยที่ 5 ต่อเนื่องไปก็เพื่อที่จะทำการเรียนและสอบให้สำเร็จการศึกษาในภาคเรียนที่ 2 ของปี 4 ซึ่งจะต้องมีการทำการวิจัยส่วนบุคคลเพื่อจบการศึกษา ต้องใช้เวลาในการค้นคว้าและเก็บข้อมูลภาคสนามและทำรายงาน จำเลยที่ 5 มีความตั้งใจที่จะปฏิบัติตามเงื่อนไขตามที่ศาลกำหนดทุกประการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจะไม่ทำกิจกรรมทางการเมืองที่มีผลกระทบต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ไม่เข้าร่วมการชุมนุมที่ก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง ไม่ออกนอกราชอาณาจักร ตลอดจนถึงเงื่อนไขอื่นๆ ที่ศาลจะกำหนด
ซึ่งมีผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.บุญเลิศ วิเศษปรีชา รับจะกำกับดูแลให้จำเลยที่ 5 ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ศาลกำหนด เห็นว่า จำเลยที่ 5 ซึ่งได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวอย่างจำกัด ได้ปฏิบัติตามคำสั่งของศาลโดยเคร่งครัด ไม่ประพฤติผิดเงื่อนไขใดๆ ตามที่ศาลกำหนดไว้ กรณีจึงไม่ปรากฏพฤติการณ์ในอันที่จะทำให้น่าเชื่อว่า จำเลยจะหลบหนีหรือจะไปก่อภยันอันตรายอื่นในช่วงเวลานี้แต่อย่างใด ประกอบกับจำเลยที่ 5 มีความตั้งใจที่จะไปปฏิบัติหน้าที่เกี่ยวกับการเรียนให้สำเร็จการศึกษาตามคำรับรองของอาจารย์ผู้ดูแล จึงเห็นควรอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวจำเลยที่ 5 ในระยะเวลาจำกัดต่อไป นับแต่วันนี้ไปจนถึงวันที่ 16 มิ.ย. 2565 โดยมีประกันในวงเงิน 600,000 บาท และกำหนดเงื่อนไข ห้ามจำเลยที่ 5 ทำกิจกรรมหรือกระทำการใดๆ ที่อาจกระทบกระเทือนต่อสถาบันพระมหากษัตริย์และศาลในทุกด้าน ห้ามจำเลยที่ 5 เข้าร่วมชุมนุมที่อาจก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง ห้ามจำเลยที่ 5 เดินทางออกนอกราชอาณาจักร จนกว่าศาลจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น และให้ตั้งผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.บุญเลิศเป็นผู้กำกับดูแล จำเลยที่ 5 ให้ปฏิบัติตามคำสั่งศาลโดยเคร่งครัด ให้จำเลยที่ 5 มารายงานตัวทุก 30 วัน ในระหว่างการปล่อยชั่วคราวอันจำกัดนี้ และให้จำเลยที่ 5 มารายงานตัวและส่งตัวภายในวันที่ 16 มิ.ย. 2565 เวลา 10.00 น. คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
ภายหลังฟังคำสั่งเสร็จ นายกฤษฎางค์ ทนายความ พร้อม น.ส.ปนัสยา หรือ รุ้ง ลงมาให้สัมภาษณ์ว่า ศาลไม่ได้ห้ามการไปชุมนุม เพราะเป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญ แต่เป็นการสั่งห้ามในกรณีที่ก่อให้เกิดความวุ่นวาย โดยศาลได้ยืนยันว่า ‘การชุมนุมเป็นสิทธิเสรีภาพตามกฎหมายรัฐธรรมนูญรับรองไว้’ แต่จะทำอย่างไรไม่ให้เกิดความวุ่นวาย คงเป็นรายละเอียดที่จะต้องระมัดระวังตัว เพราะในขณะนี้ก็มีหลายฝ่ายที่เขาอาจจะมีความประสงค์ให้ น.ส.ปนัสยา ไม่ได้รับการประกันตัว อาจจะใช้คำสั่งศาลมาเป็นข้ออ้าง
นายกฤษฎางค์ ยังกล่าวถึงคำสั่งศาลอาญากรุงเทพใต้เมื่อวานนี้ ที่เปลี่ยนเงื่อนไขเป็นห้ามออกนอกเคหสถานเฉพาะเวลา 18.00-06.00 น. ว่าอาจจะต้องปรึกษาหารือกัน เพราะเป็นคนละคดีกัน
นายกฤษฎางค์ กล่าวว่า เดิมที่ศาลอาญากำหนดเงือนไข 4 ข้อ แต่คราวนี้กำหนดเงื่อนไข 3 ข้อ ส่วนข้อกำหนดที่หายไป 1 ข้อ คือ ห้ามออกนอกเคหสถาน และให้ใส่กำไลอีเอ็ม ดังนั้น เมื่อศาลอาญาไม่ได้กำหนดในส่วนนี้ เท่ากับว่า รุ้งไม่ต้องติดกำไลอีเอ็มและสามารถออกนอกเคหสถานได้ ซึ่งข้อนี้ตนได้สอบถามศาลแล้ว แต่ยังไม่สามารถถอดตอนนี้ได้ เพราะยังติดคำสั่งของศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่สั่งให้ติดกำไลอีเอ็มอีกคดี
น.ส.ปนัสยา หรือ รุ้ง กล่าวว่า พร้อมปฏิบัติตามคำสั่งของศาล ซึ่งถึงแม้ว่าจะไม่ต้องอยู่ที่บ้าน 24 ชม. แต่เงื่อนไขที่เพิ่มขึ้นมาคือ ‘ห้ามทำกิจกรรมหรือกระทำการใดๆ ที่กระทบกระเทือนต่อสถาบันพระมหากษัตริย์และศาลในทุกด้าน’ ขอให้ประชาชนและสื่อมวลชนตั้งข้อสังเกตกับเงื่อนไขดังกล่าว และมองว่า เงื่อนไขที่ถูกตั้งขึ้นมา ไม่ต้องมีก็ได้ จะให้ประกันตัวแบบไม่มีเงื่อนไขก็ได้ เงื่อนไขที่ตั้งขึ้นมาทุกท่านน่าจะทราบกันดีว่า เป็นเงื่อนไขที่ละเมิดสิทธิและเสรีภาพของตน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันเดียวกันนี้ ศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา จะอ่านคำสั่งขอปล่อยชั่วคราว น.ส.ปนัสยา เช่นเดียวกัน ซึ่งนายกฤษฎางค์ ระบุว่า จะมีการถ่ายทอดวิดีโอคอนเฟอเรนซ์มายังศาลอาญา ในเวลา 13.00 น.
เมื่อเวลา 15.40 น. ภายหลังฟังคำสั่งเสร็จแล้ว นายกฤษฎางค์ กล่าวว่า ศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยามีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว น.ส.ปนัสยา หรือ รุ้ง จากเดิมที่ครบกำหนดวันที่ 12 ม.ค.ที่ผ่านมา ไปจนกว่าการพิจารณาคดีจะเสร็จสิ้น ซึ่งนัดสอบคำให้การและตรวจพยานหลักฐานวันที่ 8 ก.พ.นี้ โดยไม่มีเงื่อนไขอื่น ยกเว้นเรื่องห้ามไปกระทำการใดๆ ให้เกิดความเสื่อมเสียต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ห้ามไปร่วมชุมนุมที่ก่อให้เกิดความวุ่นวายต่อบ้านเมือง และห้ามออกนอกราชอาณาจักร เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากศาล โดยให้อาจารย์ม.ธรรมศาสตร์เป็นผู้ดูแลให้ปฏิบัติตามคำสั่งศาล และไม่ได้กำหนดเงื่อนไขเพิ่มเติม เพราะฉะนั้นก็มีเฉพาะศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ห้ามออกจากบ้านติดกำไลข้อเท้าอีเอ็ม ก็อาจจะเป็นอุปสรรคต่อการเรียน เพราะว่าช่วงนี้เป็นปีสุดท้ายก่อนจะเรียนจบ เช่น กลับบ้านไม่ทัน 6 โมงเย็น ต้องไปลงพื้นที่ค้างคืนที่ต่างจังหวัด คงจะปรึกษากับพ่อแม่ของน.ส.ปนัสยา แล้วอาจจะทำหนังสือชี้แจงขอความกรุณาจากศาลอาญากรุงเทพใต้ให้ช่วยลดเงื่อนไขได้ไหม เพราะเราก็ไม่ได้ทำผิดเงื่อนไขอะไร
ด้าน น.ส.ปนัสยา หรือ รุ้ง กล่าวว่า ศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยาให้ประกันโดยไม่กำหนดระยะเวลา ให้ปลดกำไลข้อเท้าอีเอ็มได้ และไม่จำกัดเวลาการอยู่ที่บ้าน ทั้งนี้แต่ละศาลมีคำสั่งไม่เหมือนกัน ดังนั้นต่อไปในอนาคตก็อาจจะนำคำสั่งของแต่ละศาลในวันนี้ ไปยื่นต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ เพื่อดำเนินการขอปล่อยชั่วคราว หรือ ขอปลดล็อค คลายเงื่อนไข หรือ ถอดกำไลอีเอ็ม
“ตอนนี้เปิดเทอมแล้ว ก็เรียนตามปกติ ช่วงนี้เรียนออนไลน์อยู่ ต้องไปมหาวิทยาลัยบ้าง มีธุระจำเป็นก็ค่อยไปเรียนกับเพื่อนๆ
ส่วนเรื่องกำหนดระยะเวลาออกจากบ้านนั้น เราเรียนสังคมวิทยา เรียนภาควิจัยด้วย ต้องหาข้อมูล หรือว่าเก็บข้อมูลลงพื้นที่บ่อย ซึ่งช่วงที่มีปัญหาโควิด-19 อาจทำให้ลงพื้นที่ไม่ได้ แต่ตอนนี้สถานการณ์เริ่มดีขึ้น คิดว่าอาจจะมีการลงพื้นที่ไปทัศนศึกษากันอีกรอบนึง คิดว่าเมื่อถึงตอนนั้นแล้วจะไม่มีการกำหนดระยะเวลาการอยู่ในบ้าน เพราะไม่ฉะนั้นแล้วคิดว่าจะเป็นปัญหามากต่อการเรียนในรายวิชา ซึ่งตอนนี้หนูยังเรียนไม่จบเรียน 4 ปีครึ่ง ยังเหลือเทอมนี้ และเทอมหน้าอีก” น.ส.ปนัสยา ระบุ