เปิดใจพระสงฆ์คลิปดัง ช่วยสีกาจัดร้านก๋วยเตี๋ยวจุดไฟตั้งเตา ตี 4 ข้างวัดดังย่านบางใหญ่ เจ้าตัวยันบริสุทธิ์ใจ ทำมาแล้วนับ 10 ปี
จากกรณีเพจอยากดังเดี๋ยวจัดให้รีเทิร์น part 2 โพสต์คลิประบุข้อความว่า “#ร้องเรียนตรวจสอบ ชาวบ้านร้องเรียนเพื่อขอให้ตรวจสอบ ณ วัดแห่งหนึ่งแถวบางใหญ่ นนทบุรี
เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับพระสงฆ์ และสีกา คู่หนึ่งที่ทำตัวไม่เหมาะสมเท่าไร เย็นค่ำไปมาหาสู่กันที่บ้านบ่อยครั้ง ศุกร์-อาทิตย์ จะออกมาตั้งแต่ตี 2 กว่าๆ มาเตรียมร้านค้าให้สีกา พอเห็นกล้องวงจรปิดก็พยายามถอดปลั๊กบ้าง ผ้าปิดบ้าง คนในครอบครัวพอรู้ว่ามีกล้องวงจรปิด ก็มีโวยวายจะเอาปืนมายิงพระสงฆ์อีกรูปที่เป็นคนติดกล้องวงจนปิด นั่งกินเหล้าข้างกุฏิพระ เปิดเพลงเสียงดัง
เหตุการณ์ทุกอย่างเกิดขึ้นที่ ข้างกุฏิพระวัด ทุกวันศุกร์-อาทิตย์ พระจะออกมาช่วงเวลาประมาณ ตี 2 กว่าๆ ของทั้ง 3 วันแล้ว หลังจากมีกล้องวงจรปิดของที่พระรูปหนึ่งติดเพื่อดักโจร พระในคลิปได้ทำการถอดปลั๊กบ้างผ้าปิดบ้างเพื่อไม่ให้กล้องเห็นภาพของตนว่ากำลังทำอะไรอยู่ช่วงเย็นๆ ของบางวันที่ขายของจะมีการกินเหล้าข้างกุฏิพระ หรือที่ตนขายของอยู่ และมีพระนั่งอยู่ด้วย บางครั้งถ้ามีคนอยู่เยอะก็มีการเชิญชวนไปที่บ้านกัน ชาวบ้านในที่นี้เห็นหลายคน"
วันนี้ ( 9 ม.ค.) เมื่อเวลา 13.00 น. ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่บริเวณร้านก๋วยเตี๋ยวเจ๊ติ๋ม ตั้งอยู่ใกล้กับโบสถ์หลวงพ่อหิน ภายในวัดวัดศรีราษฎร์ ต.บางเลน อ.บางใหญ่ เพื่อสอบถามกรณีดังกล่าว พบ นางละออ ทรัพย์ใหญ่ หรือ เจ๊ติ๋ม ที่มีคลิปลงในโซเชียลกับพระโหน่ง อายุ 60 ปี เจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยว และ พระชูบุญ อภิบุญโญ หรือ พระโหน่ง อายุ 59 ปี เพื่อสอบถามกรณีดังกล่าว
นางละออ หรือ เจ๊ติ๋ม เปิดเผยว่า ตนรู้จักกับพระโหน่ง มาประมาณ 10 กว่าปีแล้ว และนับถือเขาเหมือนญาติ และพระโหน่งก็จะมาช่วยตนเปิดร้านขายก๋วยเตี๋ยวเป็นประจำทุกเสาร์-อาทิตย์ ตนจะขายของแค่ 2 วัน ถ้าวันไหนตนขายพระโหน่งก็จะเข้ามาช่วย และตนสนิทกับพระโหน่ง และพระโหน่งก็สนิทกับแฟนตนมาก่อน ซึ่งแฟนตนเคยไปยืมเงินพระโหน่งบ่อยครั้ง หลังจากแฟนตนเสียตนจึงสนิทกับพระโหน่ง และพระโหน่งก็มีลูกสาวแล้วแต่ก็เลิกกับแฟนไปแล้ว ซึ่งตนก็ยืนยันว่าไม่มีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวใดๆทั้งสิ้น ตนนับถือเหมือนญาติ ส่วนเรื่องกินเหล้าที่มีคนเอาไปลง ส่วนตัวตนดื่มเหล้ามานานแล้วแต่เจ้าอาวาสไม่ให้กินแล้ว ให้ตนกลับไปกินที่บ้านและไม่ให้เอาขวดวางเพราะเดี๋ยวจะโดนตรวจ แต่พระก็ไม่เคยมายุ่งเกี่ยวกับตนและไม่เคยมานั่งกินเหล้าด้วยกัน
ส่วนคนที่ถ่ายคลิปน่าจะเป็นพระอาม ซึ่งเขาจะมีเรื่องขัดแย้งกันกับพระโหน่ง เพราะเคยโดนพระโหน่งติเตียนเรื่องการไม่ท่องหนังสือบวชมา 2 พรรษาแล้ว แต่ยังสวดอะไรไม่ค่อยได้ แล้วพระอามก็ทำเหมือนแทนที่รองเจ้าอาวาส เพราะแต่ก่อนพระโหน่งเป็นผู้ดูแลเรื่องต่างๆ แล้วก็เอากุญแจโบสถ์เก็บไว้ไม่ให้คนอื่น ส่วนเรื่องอื่นตนก็ไม่ทราบแล้ว เพราะปกติเขาจะไม่คุยกัน ซึ่งพระอามพึ่งเข้ามาบวชใหม่อาจจะไม่รู้เรื่องราว เพราะตนก็ขายของที่นี่มาประมาณ 10-15 ปีแล้ว และอาศัยอยู่หลังวัดเช่าที่วัดอยู่ ซึ่งก็ยืนยันว่าไม่เคยมีเรื่องชู้สาวกับพระโหน่งแน่นอน
พระชูบุญ หรือพระโหน่ง กล่าวว่า ตนช่วยติ๋มจัดร้านเสาร์-อาทิตย์ และรู้จักกันมานานมากตั้งแต่สามีติ๋มยังไม่เสียชีวิต ซึ่งตนบวชมานานมากตั้งแต่ปี 2543 ส่วนเรื่องที่มีคลิปออกไปเป็นคลิปที่มีนานมาแล้ว ซึ่งตนเอาผ้าปิดไว้ เพราะไม่อยากให้ใครเห็นว่าตนไปช่วยติ๋มจัดร้าน ซึ่งตนมองว่าไม่ควรไปช่วยแต่ก็เพราะช่วยมานานแล้ว ร้านติ๋มจะเปิดประมาณ 04.00 น. ส่วนในด้านความสัมพันธ์ ยืนยันว่า ไม่มีอะไรเกินเลย เพราะรู้จักกันมามากกว่า 20 ปี และติ๋มมาถวายอาหารบ่อยครั้งตนจึงไปช่วยเขาจัดของบ้างบางครั้ง ส่วนเรื่องที่มีการตั้งวงกินเหล้า ส่วนตัวตนไม่ได้ดื่มกับเขาจะเป็นติ๋มที่กินเอง และยืนยันว่า คลิปที่ลงไปเป็นคลิปนานแล้ว ส่วนเรื่องพระอาร์มก็ไม่มีปัญหาขัดแย้งอะไรกัน เพราะพระอาร์มพึ่งมาบวช 2 พรรษา เนื่องจากวันนี้ที่มีการลงในโซเชียลไป ตนก็จะไม่ไปช่วยติ๋มแล้ว เพราะทุกคนอาจมองว่าดูไม่ดี และบอกรับว่าไม่เหมาะสม แต่ที่ทำไปเพราะติ๋มซื้อของมาถวายและบางครั้งจะฉันอะไรก็ไม่คิดเงินตนจึงช่วยจัดโต๊ะเป็นการตอบแทน
พระพรพรหม ถาวโร อายุ 33 ปี หรือพระอาร์มพระลูกวัด เอาคลิปลงโซเชียล กล่าวว่า ที่ตนนำคลิปไปโพสต์ เพราะแรกเริ่มทางเจ้าอาวาส กรรมการวัด ไวยาวัจกรวัด มีการตักเตือนไปแล้ว แล้วก็ห่างกันช่วงนึงแต่ก็กลับมาทำแบบเดิม พอเรียกมาคุยก็ทำท่าทีไม่พอใจ มีการแขวะ ซึ่งจะมีน้องส่วนที่เป็นแอดมินเพจวัดจะดูแลเรื่องกล้องวงจรปิดจึงเป็นเรื่องขึ้นมาและมีการโพสต์ แต่ในเมื่อเขาไม่รับความจริงในสิ่งที่เกิด จึงอยากให้ประชาชนเป็นคนตัดสิน ว่าทำแบบนี้ถูกไหม และควรยอมรับความจริงได้แล้ว ซึ่งมีการตักเตือนหลายครั้งมาก เรื่องคลิปเป็นคลิปล่าสุด เพราะกล้องตังนี้พึ่งติดมาได้ประมาณ 3 อาทิตย์ ส่วนเรื่องอาวุธปืนตนแค่ได้ยอนแค่คำขู่จากปาก ว่า พระแบบนี้เดี๋ยวกูจะให้พวกมายิง
ส่วนตัวแล้วกับพระโหน่งไม่ได้มีเรื่องอะไรเบาะแว้งกัน และพระโหน่งก็ให้ตนช่วยเรื่องโซเชียลบ่อยอะไรไม่รู้ก็จะถามตนตลอด ซึ่งตนอายุไม่เยอะจึงช่วยกันไป แต่ตนก็ไม่เข้าใจว่าที่ร้านก๋วยเตี๋ยวมีปัญหาอะไร ว่าเวลาประมาณ 03.00-04.00 น. เอากระทะและตะหลิวมาเคาะดังมาก ทำให้สะดุ้งตื่นและนอนไม่หลับ และตอนกลางวันก็ไม่ได้นอนเพราะต้องช่วยงานที่วัดเพราะกำลังมีการสร้างโบสถ์และตนได้รับการมอบหมายมาจากท่านเจ้าอาวาส ซึ่งที่โพสต์คลิปลงไปตนก็ต้องรับสภาพเพราะจะต้องมีเรื่องตามเข้ามาอยู่แล้ว ถ้าเราไม่ทำก็จะเป็นแบบนี้เรื่อยๆ จะให้ผิดไปตลอดเรื่อยๆไม่ได้ จะทำให้เป็นสิ่งที่เคยชินไม่ได้
นางสมนึก เสือเริก อายุ 64 ปี ชาวบ้านอาศัยอยู่ในวัด เล่าว่า ตนรู้จักติ๋มเป็นแม่ค้าภายในวัดที่ปากไม่ดี อยากจะพูดอะไรก็พูดจะด่าใครก็ด่าไม่เว้นแม้แต่พระ ญาติโยมบางคนก็โดนหมด ซึ่งเขาเป็นแบบนี้มานานแล้ว ซึ่งทางวัดจึงจะจัดระเบียบภายในวัดแต่ก็มีพระที่เข้าไปยุ่งที่ร้านติ๋มไปติดเตาไปช่วย และมีการตั้งวงนั่งดื่มสุรา ซึ่งมองว่าทำให้วัดเราเสื่อมเสีย พระอาร์มจึงตัดสินใจติดกล้องวงจรปิด หลานติ๋มก็มาด่าเขาเสียๆ หายๆ ซึ่งก็ไม่สมควรพูดเพราะจะได้ดูแลกัน ซึ่งมีหลายเรื่องหลายอย่างที่พูดไม่หมด ที่แย่เลยคือกินเหล้าภายในวัด พอเมาก็ด่ากราดคนอื่น ทำตัวเองเป็นใหญ่และไม่กลัวใคร จึงไม่มีใครอยากจะยุ่ง ซึ่งพระอามก็เป็นพระลูกหลานแต่ก็ไม่สมควรที่จะไปก้าวก่ายท่าน ท่านจึงมาปรึกษาว่าโดนแบนี้อีกแล้ว ซึ่งคนเราอยู่ก็ต้องคุยกัน ไม่อยากให้ทะเลาะกัน ตนอยากให้เรื่องนี้จบและไม่ต้องมาขายก๋วยเตี๋ยวก็ดี จะได้ตัดปัญหาไป ซึ่งตนก็เคยสนิทกับติ๋มมาก่อน เพราะเคยนั่งกินด้วยกันมาก่อนแต่เขาก็ด่าทอตน และด่าคนอื่นด้วย หลังๆมานี้ด่าพระตนรู้สึกว่าจิตใจไม่ดี ส่วนพระโหน่งไปช่วยสีกาติดเตาเพื่อขายของแทนที่จะมาช่วยในวัด แต่ไปช่วยสีกาตนจึงมองว่าไม่ถูก ซึ่งพฤติกรรมแบบนี้มาเป็นปีแล้ว เช่น ล้างจาน เก็บโต๊ะ เช็ดโต๊ะ พอค่ำๆ ก็เข้าไปบ้านสีกากลับประมาณ 4-5 ทุ่ม ซึ่งตนเคยเห็นกับตาตัวเองแล้วก็เด็กคนอื่นเห็นก็มาบอก เพราะบ้านอยู่ใกล้กัน ตนมองว่าเรื่องนี้ไม่ดี พระต้องจำศีลที่วัด ซึ่งทุกคนเคยไปคุยเรื่องนี้แล้ว แต่เขาก็ไม่ฟัง ทุกคนรู้กันหมดแต่พูดไปก็เท่านั้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วัดดังกล่าวเคยถูกคนร้ายเข้ามาทุบทำลาย หลวงพ่อหินจนเศียรพระขาด ตกลงมาที่พื้น เหตุเกิดวันที่ 16 สิงหาคม 2564 จับตัวคนร้ายได้แล้ว และเคยมีข่าวโด่งดัง 2 ตายาย ได้บริจาคเงินจำนวน 1 ล้านบาท ให้กับทางวัด เพื่อจะสร้างโบสถ์ แต่ชาวบ้านคัดค้านยกเลิกการสร้าง 2 แต่ทางไวยาวัจกร พร้อมด้วย กรรมการวัดไม่ยอมคืนเงินให้จน 2 ตายายต้องเดินทางไปแจ้งความที่ สภ.บางใหญ่ ต่อมาทางไวยาวัจกร และกรรมการวัดศรีราษฎร์ยอมคืนเงินจำนวนดังกล่าวกลับคืนมาให้