“ข่าวลึกปมลับ”ออกอากาศทาง NEWS1 ล้วงปมลึก คลายปมลับ ตีแผ่ประเด็นร้อน กับ นพรัฐ พรวนสุข บก.ข่าวการเมือง และกระบวนการยุติธรรม วันพุธที่ 5 มกราาคม 2565 ตอน เลือกซ่อมเดือด เจ้าถิ่น ปชป.ผวา เสธ.ต.
ตลอดเดือนมกราคมนี้ การเมืองเข้มข้นเร้าใจต่อเนื่องตลอดทั้งเดือน เพราะจะมีการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งซ่อม เกิดขึ้นสามแห่งในเดือนนี้
ศึกแรก เริ่มงวดเข้ามาทุกขณะ กับการเลือกตั้งซ่อมส.ส.ชุมพรและสงขลา ที่จะเลือกตั้งกันวันอาทิตย์ที่ 16 มกราคม และสิ้นเดือน นัดสุดท้ายเข้มข้นอีกเช่นกันกับการเลือกตั้งซ่อมส.ส.หลักสี่ กรุงเทพมหานคร ที่จะเลือกตั้งกันวันอาทิตย์ที่ 30 มกราคม
ทั้งสามสนาม ผลการเลือกตั้งที่จะออกมา จะ มีผลสะเทือนทางการเมืองต่อพรรคการเมืองที่ส่งคนลงเลือกตั้ง ทั้งพรรครัฐบาลและฝ่ายค้าน แต่หนักหน่วงกว่าก็คงอยู่ที่ฝั่งพรรครัฐบาล
เช่น หากพลังประชารัฐ แพ้ที่ชุมพร และสงขลา สองคีย์แมนพลังประชารัฐ คือ สุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงานที่เป็นผอ.เลือกตั้งที่สงขลาและสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง ผอ.เลือกตั้งซ่อมที่ชุมพร ซึ่งทั้งสองคน ก่อนหน้านี้ ที่เคยเป็นแคนดิเดตชิงเก้าอี้ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ถึงขั้นวางแผนจะเปิดศึกแย่งชิงเก้าอี้เลขาธิการพรรคกับธรรมนัส พรหมเผ่ามาแล้วแต่ไม่สำเร็จ
หากสุชาติและสันติ ไม่สามารถปักธงพลังประชารัฐในชุมพรกับสงขลาได้ ทั้งสองคน ก็เสี่ยงจะเสียเครดิตทางการเมืองในพลังประชารัฐ จึงทำให้สันติและสุชาติต้องสู้สุดตัว เพื่อพิสูจน์ฝีมือตัวเอง
จากเดิมพันการเมืองดังกล่าว ทำให้ต้องจับตาดูกันให้ดี โดยเฉพาะในช่วงสัปดาห์หน้าที่จะเป็นโค้งสุดท้ายของการหาเสียง คาดว่าแกนนำพลังประชารัฐ จะเริ่มเดินแผน เพื่อทำให้คนของพลังประชารัฐ ชนะเลือกตั้งให้ได้
ในสนามเลือกตั้งซ่อมที่สงขลาและชุมพร พรรคประชาธิปัตย์มีความกดดันมากกว่า เพราะเป็นการสู้เพื่อรักษาเก้าอี้เดิมของตัวเอง ดังนั้น หากประชาธิปัตย์ แพ้เลือกตั้งทั้งสองเขต หรือแม้แต่ชนะหนึ่งเขต แพ้หนึ่งเขต มันก็คือความล้มเหลวของประชาธิปัตย์
และถ้าสถานการณ์เป็นแบบนั้น ประชาธิปัตย์ในภาคใต้ที่ก่อนหน้านี้ก็แพ้เลือกตั้งซ่อมที่นครศรีธรรมราช คงเครื่องรวนหนัก อาจถึงขั้นเสียขบวนครั้งใหญ่ แต่ถ้าชนะทั้งสองเขต ก็จะเรียกความเชื่อมั่นกลับคืนมาครั้งใหญ่
จึงเป็นภาระหนักของประชาธิปัตย์ ที่ต้องชนะให้ได้สถานเดียว แพ้ไม่ได้ และต้องชนะทั้งสองเขต ไม่ใช่แค่เขตใดเขตหนึ่ง
หากแพ้ คนที่ต้องรับผิดชอบไปเต็มๆ ก็คือ จุรินทร์ ลักษณวิศิษฐ์ หัวหน้าพรรค รวมถึงตัว นายกชาย เดชอิศม์ ขาวทอง รองหัวหน้าพรรคภาคใต้คนใหม่ ที่นำทัพสู้ศึกเลือกตั้งครั้งแรก หากแพ้จะมีผลต่อเครดิตของตัวเองในพรรคเช่นกัน
โดยเฉพาะที่สงขลา ที่เป็นจังหวัดของนายกฯชาย และที่สำคัญ นายกฯชาย ก็ผลักดันภรรยา น้ำหอม สุภาพร กำเนิดผล ลงเลือกตั้งซ่อม จึงต้องสู้เต็มที่ เพื่อชนะสถานเดียว
แต่ประชาธิปัตย์ออกอาการหวั่นจะแพ้แล้ว ดูได้จากกรณีคนในพรรค ออกมาอ้างเรื่องมี"คนมีสี"ในกองทัพบก หรือ"เสธ ต." ยกกำลังอีกมาแล้ว มาเหมือนตอนเลือกตั้งใหญ่
เสธ.ต.คือใคร เขาเป็นผู้บังคับหน่วยทหารม้า ในพื้นที่กองทัพภาคที่ 2 ที่อยู่ในพื้นที่ภาคอีสานประชาธิปัตย์อ้างว่า พบความเคลื่อนไหว ลงพื้นที่เลือกตั้งที่ชุมพรพร้อมกับทหารจำนวนหนึ่ง จนกองทัพบกและกองทัพภาคที่4 เต้นผาง สั่งให้มีการตรวจสอบทันที
มองได้ว่า การที่ประชาธิปัตย์ ออกมาตีโพยตีพายเรื่องนี้ อาจเพราะประชาธิปัตย์เคยมีบทเรียนมาแล้วตอนเลือกตั้งใหญ่ปี 2562 ที่พลังประชารัฐในภาคใต้ เจาะฐานประชาธิปัตย์ไปได้ 13 ที่นั่ง
เบื้องหลังความสำเร็จ ศึกนี้มีคนยกเครดิตให้เป็นผลงาน พ.อ.สุชาติ จันทรโชติกุล เพื่อนนักเรียนเตรียมทหาร รุ่น12 กับพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
แต่ความจริงลึกๆ แล้ว คนที่มีบทบาทเกือบทั้งหมดในการวางแผนเลือกตั้งนานนับปี จนทำให้พลังประชารัฐ ได้ส.ส.ที่ภาคใต้ คว้าชัยตอนเลือกตั้งใหญ่มาได้ เป็นอดีตบิ๊กทหาร 3 พลเอก
ที่เคยมีตำแหน่งการเมืองในยุคคสช.และปัจจุบันบางคน ก็ยังมีบทบาทการเมืองอยู่ โดยทั้งสามคนล้วนเคยอยู่ในพื้นที่กองทัพภาคที่สี่ มาเกินสิบปี จึงเชี่ยวชาญพื้นที่ภาคใต้ มีลูกน้องเครือข่ายมากมาย จนทำให้พลังประชารัฐ ได้ส.ส.ภาคใต้มาถึง 13 คน
และฝ่ายกองกำลังลงทำงานในพื้นที่ ก็ใช้เครือข่าย "เสธ ต.” เป็นหน่วยเคลื่อนที่เข้าทะลวงฐานที่มั่นประชาธิปัตย์ แม้จะเชี่ยวชาญพื้นที่ภาคอีสาน ตอนนั้นประชาธิปัตย์ประมาท ทั้งที่รู้ว่ามีความเคลื่อนไหวดังกล่าว แต่ก็ไม่โวยวายอะไร เพราะคิดว่ายังไง ภาคใต้ ประชาธิปัตย์ก็ชนะใสๆ
มาถึงรอบนี้ ประชาธิปัตย์มีบทเรียนมาแล้ว เลยชิง โวยวาย ออกมาบอกเรื่อง เสธ ต. ตัวแสบ ทหารม้าอีสานแต่ไปซ่าในภาคใต้ ลูกน้องสายตรงนายใหญ่พรรคพลังประชารัฐ ซึ่งเป็นสัญญาณบอกให้รู้ว่า โค้งสุดท้ายเลือกตั้งซ่อมชุมพร สงขลา สัปดาห์หน้า ร้อนระอุแน่