ข่าวลึกปมลับ : ชี้ชะตา "สิระ" หลุด ส.ส. เจอสองเด้ง

“ข่าวลึกปมลับ”ออกอากาศทาง NEWS1 ล้วงปมลึก คลายปมลับ ตีแผ่ประเด็นร้อน กับ นพรัฐ พรวนสุข บก.ข่าวการเมือง และกระบวนการยุติธรรม วันจันทร์ที่ 20 ธันวาคม 2564 ตอน ชี้ชะตา "สิระ" หลุด ส.ส. เจอสองเด้ง



เส้นทางชีวิตการเมืองของ สิระ เจนจาคะ ส.ส.กรุงเทพมหานคร เขตหลักสี่ พรรคพลังประชารัฐ มาถึงจุดต้องลุ้นหนักอีกครั้งในสัปดาห์นี้

วันพุธที่ 22 ธันวาคมนี้ เวลาบ่ายสามโมง ศาลรัฐธรรมนูญได้นัดฟังคำวินิจฉัยคำร้องในคดีที่ ส.ส.ฝ่ายค้านเข้าชื่อกันส่งถึงประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อส่งต่อมายังศาลรัฐธรรมนูญ ให้วินิจฉัยว่า

สิระ มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญมาตรา 98 ( 10 ) เป็นเหตุให้สมาชิกภาพส.ส. สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญมาตรา 101 (6) หรือไม่

จากเหตุ สิระ เคยต้องคำพิพากษาของศาลแขวงปทุมวัน ที่ตัดสินเมื่อ วันที่ 21 พ.ย. 2538 ว่า มีความผิดอาญาฐานฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 จำคุก 4 เดือน และให้คืนหรือใช้ราคาทรัพย์แก่ผู้เสียหาย และริบสัญญาจะซื้อจะขาย

คำร้องของส.ส.ฝ่ายค้าน ชี้ประเด็นว่า จากที่สิระเคยต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุดว่า กระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ที่กระทำโดยทุจริตตามประมวลกฎหมายอาญา ทำให้นายสิระเป็นบุคคลที่มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 98(10) จึงน่าจะเป็นเหตุให้สมาชิกภาพ ส.ส. ของนายสิระสิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ

สำหรับคำร้องคดีนี้ ศาลรับไว้วินิจฉัยเมื่อ 3 ก.พ. 2564 ด้วยมติเอกฉันท์ รวมเวลาทั้งหมด ศาลใช้เวลาในการพิจารณาคำร้องคดีสิระ จนถึงพุธนี้ที่เป็นวันอ่านคำตัดสิน เป็นเวลานานร่วม 10 เดือน

วันพุธนี้ จะรู้ผลกันว่า สิระ จะได้กลับเข้าไปยังรัฐสภา ในฐานะส.ส. กทม.พลังประชารัฐ และกลับเข้าห้องประจำตำแหน่งประธานกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร อันโอ่อ่า อีกครั้งหรือไม่

หรือว่า จะต้องตกกระป๋อง คืนบัตรส.ส.ผู้ทรงเกียรติ ให้กับสำนักงานเลขาธิการสภาฯ เพราะหลุดจากส.ส.และประธานกรรมาธิการฯ หากศาลวินิจฉัยให้สิ้นสมาชิกภาพ การเป็นส.ส.

หากศาลเห็นว่า สิระ มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง จึงเป็นเหตุให้สมาชิกภาพส.ส. สิ้นสุดลง “สิระ “ก็กลายเป็นอดีตส.ส.ไปทันที และนั่นหมายถึงว่า สิระ ก็ไม่สามารถลงสมัครส.ส.ได้อีก เพราะถือว่ามีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญและกฎหมายการเลือกตั้งส.ส.

ผลที่จะตามมา ที่เห็นชัดมีสองเรื่อง คือ
1ต้องมีการจัดเลือกตั้งซ่อมเกิดขึ้นเช่นเดียวกับที่ชุมพรและสงขลา
ที่อาจทำให้ สิระ ต้องเปลี่ยนแผน จากเดิมจะให้พลังประชารัฐส่งเมียตัวเอง นางสรัลรัศมิ์ เจนจาคะ ไปลงส.ส. เขตดอนเมือง เพื่อสู้กับคู่รักคู่แค้น การุณ โหสกุล จากเพื่อไทย แต่หาก สิระ ไม่รอดพุธนี้ ก็อาจต้องให้ภรรยา หันมาลงสมัครที่หลักสี่ เพื่อรักษาพื้นที่ตัวเองก็ได้

2.หาก สิระ ไม่รอดพุธนี้ มีสิทธิ์โดนดาบสอง
คือ จะถูกคณะกรรมการการเลือกตั้งเช็คบิล เพราะคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญผูกพันทุกองค์กรต้องปฏิบัติ หากศาลวินิจฉัยว่านายสิระมีลักษณะต้องห้ามในการลงสมัครรับเลือกตั้ง ทั้งที่รู้ว่าตัวเองขาดคุณสมบัติ กกต.ก็จะต้องรับไม้ต่อเอาผิด สิระ ตามกฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. มาตรา151

มีโทษจำคุกตั้งแต่ 1-10ปี ปรับตั้งแต่ 20,000 -200,000 บาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งผู้นั้นมีกำหนด 20 ปี ที่คล้ายคลึงกับกรณีที่กกต.เอาผิด ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ หลังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า ธนาธร ถือหุ้นสื่อตอนลงเลือกตั้ง นั่นเอง

การตัดสินคดีของศาลรัฐธรรมนูญพุธนี้ จะเป็นจุดเปลี่ยน ทางการเมืองที่สำคัญของ สิระ หรือไม่ ต้องรอติดตาม
เพราะไม่แน่ สิระ อาจได้เฮอีกรอบ ศาลยกคำร้อง ก็ได้
หลังก่อนหน้านี้ สิระ ก็เคยรอดมาแล้วครั้งหนึ่ง กับการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ในคำร้องที่ส.ส.พรรคฝ่ายค้านยื่นเรื่องให้ศาลวินิจฉัย ว่า สมาชิกสภาพการเป็น ส.ส.ของ สิระ สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญหรือไม่

จากกรณี สิระ เดินทางลงไปตรวจสอบพื้นที่การก่อสร้างคอนโดมิเนียม ที่ภูเก็ต เมื่อวันที่ 18-19 ก.ย.2562 และได้มีการแสดงพฤติกรรมและใช้วาจาไม่เหมาะสม กับ ตำรวจในพื้นที่ สภ.กะรน -ผู้บริหารเทศบาล ตำบลกะรน ที่มีภาพและคลิปเสียงปรากฏออกมาให้คนทั้งประเทศได้เห็น

ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญ มีคำวินิจฉัยเมื่อ 1 กรกฎาคม 2563 ด้วยมติ 7 ต่อ1ว่าพฤติการณ์ของสิระ ยังไม่เข้าลักษณะเป็นการใช้ตำแหน่งหน้าที่ ส.ส. ไปก้าวก่ายแทรกแซงการปฏิบัติราชการ จนเป็นเหตุให้สมาชิกภาพความเป็น ส.ส. สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ

คดีที่จะตัดสินในวันพุธนี้ ศาลคงดูที่ข้อกฎหมายเป็นหลัก
ว่า คุณสมบัติสิระ เจนจาคะ ขัดข้อกฎหมายหรือไม่ และเวลา10 เดือนที่สำนวนคดีถึงศาลรัฐธรรมนูญ คงจะทำให้ผลตัดสินชี้ขาดออกมา เป็นที่ยอมรับของสังคมได้