xs
xsm
sm
md
lg

ทลายแก๊ง “โกงกู้” ตุ๋นชาวบ้านกู้เงินออนไลน์แบงก์-หักหัวคิว 75 เปอร์เซ็นต์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม



MGR Online - ปอศ.ทลายแก๊ง “โกงกู้” หลอกชาวบ้านกู้เงินออนไลน์กับธนาคาร แต่หักหัวคิว 75 เปอร์เซ็นต์ของยอดเงินที่กู้ พบก่อเหตุหลายพื้นที่ ได้เงิน 223 ล้าน

วันนี้ (28 ธ.ค.) ที่ กองปราบปราม เมื่อเวลา 12.00 น. พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. พล.ต.ต.พุฒิเดช บุญกระพือ ผบก.ปอศ. พ.ต.อ.ภาดล จันทร์ดอน ผกก.5 บก.ปอศ. ร่วมกันแถลงข่าวผลการจับกุมแก๊งโกงเงินกู้ ตามยุทธการ “สอบสวนกลาง ปราบแก๊งโกงกู้” โดยจับกุมผู้ต้องหา 14 ราย ประกอบไปด้วย น.ส.ณัฐกฤตา สุดสน อายุ 46 ปี, น.ส.พรพรรณ ลำพา อายุ 38 ปี, นายวิโรจน์ เลิศกิจลักษณ์ อายุ 50 ปี, น.ส.คฑามาส กิ่งเงิน อายุ 22 ปี, นายศราวุธ เผ่านักรบ อายุ 28 ปี, นายจักรณรงค์ พลทะรักษา อายุ 35 ปี, นายยศวริศ เลิศกิจลักษณ์ อายุ 23 ปี, น.ส.ชุติกาญจน์ เลิศกิจลักษณ์ อายุ 24 ปี, น.ส.กมลทรรศน์ คำโสดดา อายุ 31 ปี, นายก้องเกียรติ ทาชมภู อายุ 24 ปี, นางศศิธร พลทะรักษา อายุ 35 ปี, น.ส.พวงเพ็ญ ลำพา อายุ 40 ปี, น.ส.สุพัตรา สุริยา อายุ 31 ปี, น.ส.ศิริลาวัลย์ พึ่งเกษม อายุ 32 ปี ตามหมายจับศาลอาญาที่ 2138-2151/2564 ลง 27 ธ.ค. 64 พร้อมของกลาง บัญชีธนาคาร 65 รายการ, โทรศัพท์มือถือ 78 เครื่อง, เอกสารเกี่ยวกับการทำธุรกรรม 16 รายการ,เอกสารเกี่ยวกับคดี 14 รายการ, บัตรอิเล็กทรอนิกส์ 9 ใบ, อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ 1 รายการ และของกลางอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง 207 รายการ รวมมูลค่ากว่า 2,383,600 บาท

พล.ต.ท.จิรภพ กล่าวว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง ส่งผลกระทบต่อสภาพเศรษฐกิจ เป็นเหตุให้การดำรงชีพของประชาชนเป็นด้วยความยากลำบาก ขาดสภาพคล่องและเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ยาก ประกอบกับที่ผ่านมาประสบปัญหาจากหนี้นอกระบบ ในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นแก๊งหมวกกันน็อก, แอปฯ เงินกู้ผิดกฎหมาย ฯลฯ รัฐบาลจึงมีนโยบายให้ธนาคารพาณิชย์ออกมาตรการที่ส่งเสริมให้ประชาชนเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายขึ้น ต่อมาธนาคารพาณิชย์ต่างๆ ได้ออกผลิตภัณฑ์ให้สินเชื่อในรูปแบบออนไลน์ โดยประชาชนสามารถขอสินเชื่อผ่านสมาร์ทโฟนได้ตามเงื่อนไขที่ธนาคารกำหนด ซึ่งหากเอกสารครบถ้วนตามหลักเกณฑ์จะได้รับการอนุมัติสินเชื่อภายใน 30 นาที ทำให้ประชาชนได้รับอนุมัติวงเงินกู้เร็วขึ้น เพื่อเป็นการแก้ปัญหาหนี้นอกระบบในรูปแบบต่างๆ

พล.ต.ท.จิรภพ กล่าวต่อว่า จากนั้นกลุ่มมิจฉาชีพ เห็นช่องโอกาสจากมาตรการดังกล่าว จึงหลอกลวงประชาชนที่ขาดรายได้และต้องการเข้าถึงแหล่งทุน โดยออกกลอุบายชักชวนว่าสามารถหาแหล่งเงินทุนให้ได้ เพียงแค่นำบัตรประชาชนใบเดียวมาให้ ก็สามารถกู้เงินได้ จนกระทั่งเมื่อประมาณต้นเดือน ส.ค. 2564 ได้มีประชาชนในพื้นที่ อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี ร้องเรียนผ่านสื่อมวลชน ว่า เมื่อประมาณกลางเดือน ก.ค. 64 ถูกกลุ่มมิจฉาชีพซึ่งเป็นนายหน้าอ้างว่าสามารถหาเงินกู้ให้ได้ จึงหลงเชื่อและมอบบัตรประชาชนให้ไป หลังจากนั้น กลุ่มมิจฉาชีพพาไปสแกนใบหน้ากลางป่าในพื้นที่ อ.วังน้ำเย็น จ.สระแก้ว โดยอ้างว่าเป็นขั้นตอนหนึ่งของการยื่นกู้ จากนั้นประมาณ 1 เดือน กลุ่มมิจฉาชีพได้นำโทรศัพท์สมาร์ทโฟนมามอบให้ พร้อมกับเงินประมาณ 4 หมื่นกว่าบาท ซึ่งอยู่ในบัญชีเงินฝากออมทรัพย์อิเล็กทรอนิกส์ แต่ต่อมาประชาชนกลับได้รับใบแจ้งหนี้จากธนาคารว่าตนเองเป็นหนี้ 160,000 บาท จึงได้พากันมาร้องเรียนผ่านสื่อมวลชน จากกรณีดังกล่าวทำให้พี่น้องประชาชนจำนวนมากได้รับความเดือดร้อน ตกเป็นลูกหนี้ธนาคารพาณิชย์โดยไม่รู้ตัว แต่ได้รับเงินจริงเพียง 1 ใน 4 ของยอดเงินกู้ โดยคนร้ายได้เงินไปจำนวนมาก แต่ภาระหนี้สินตกอยู่กับพี่น้องประชาชนที่ถูกหลอกลวง

พ.ต.อ.ภาดล ที่กล่าวว่า หลังรับเรื่องทาง พล.ต.ท.จิรภพ สั่งการให้ บก.ปอศ. ดำเนินการสืบสวนสอบสวน จากการสืบสวนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน ทำให้ทราบเครือข่ายผู้ที่ร่วมกระทำความผิดในคดีนี้ กระทั่งช่วงเช้าที่ผ่านมาได้ปิดล้อมตรวจค้น จับกุมผู้ต้องหาในคดีนี้ใน 10 จุด ในพื้นที่ กบินทร์บุรี, ปราจีนบุรี, พัทยา, สระแก้ว, นครราชสีมา, สมุทรสงคราม และฉะเชิงเทรา จนนำไปสู่การจับกุมผู้ต้องหาจำนวน 14 รายดังกล่าว

พ.ต.อ.ภาดล ที่กล่าวต่อว่า จากการสอบสวน ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ 13 ราย และให้การปฏิเสธ 1 ราย ทั้งนี้ จากแนวทางการสืบสวนพบว่ามีการแบ่งหน้าที่กันทำ โดยมีกลุ่มนายหน้ารับผลประโยชน์ ทำหน้าที่ชักชวนและสมัครบัญชีออนไลน์ เพื่อยื่นกู้บัญชีออนไลน์ จากนั้นเมื่อมีการอนุมัติเงินก็จะโอนเงินให้ผู้เสียหายร้อยละ 25 ส่วนขบวนการนี้จะได้เงินร้อยละ 75 เมื่อได้เงินมาแล้วก็จะยักย้ายถ่ายเทออกไป ทั้งนี้ จากการตรวจสอบเส้นทางการเงินพบว่ามีการถ่ายเทไปตลอดเส้นทางของขบวนการ และมีบัญชีต้องสงสัยกว่า 40 บัญชี รวมมูลค่าความเสียหายตอนนี้ 223 ล้านบาท ภายในเวลา 3 เดือนที่ก่อเหตุ

ด้าน พ.ต.อ.กฤษฎาพร กล่าวว่า ขอประชาสัมพันธ์เตือนภัยไปยังพี่น้องประชาชน อย่าหลงเชื่อตกเป็นเหยื่อกลุ่มมิจฉาชีพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งขอให้ระมัดระวังในการใช้บัตรประชาชนซึ่งเป็นเอกสารสำคัญทางราชการ คนร้ายอาจนำไปใช้ในการก่ออาชญากรรมรูปแบบต่างๆ ที่อาจจะส่งผลกระทบต่อเจ้าของบัตรได้ และขอฝากพิจารณาให้รอบคอบว่าไม่มีสิ่งใดที่จะได้มาโดยง่ายเกินกว่าความเป็นจริงที่ควรจะเป็น ในกรณีที่ท่านประสงค์จะกู้เงิน แต่ไม่สามารถดำเนินการเองได้ ขอให้ติดต่อธนาคารสาขาใกล้บ้านท่านได้โดยตรง ไม่จำเป็นต้องผ่านตัวกลางหรือนายหน้าแต่อย่างใด

เบื้องต้นร่วมกันปลอมและใช้เอกสารปลอม ร่วมกันฉ้อโกง, เอาไปซึ่งเอกสารของผู้อื่น โดยประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหาย, ใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบ โดยประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหาย และนำเข้าซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวน บก.ปอศ.ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป














กำลังโหลดความคิดเห็น