“ฉัตรชัย แฮมิลตัน” อดีตผู้ต้องหาเครือข่ายเสี่ยโจ้น้ำมันเถื่อน ซิ่งเก๋ง สวิฟท์ ชนด่านก่อสร้างซ่อมผิวถนน ก่อนเสียหลักไถลไปอัดท้ายรถบรรทุก บนทางด่วนพิเศษเฉลิมมหานคร เสียชีวิตคาที่
วันนี้ (18 พ.ย.) เมื่อเวลา 00.30 น. พ.ต.ต.หญิง ผกามาศ กมลแสน สว.(สอบสวน) สน.ทางด่วน 1 รับแจ้งเหตุรถยนต์พุ่งชนท้ายรถบรรทุกมีผู้เสียชีวิตติดอยู่ในยานพาหนะ บนทางพิเศษเฉลิมมหานคร ฝั่งขาเข้าจากบางนา เลยด่านท่าเรือประมาณ 1 กิโลเมตร แขวงและเขตคลองเตย กทม.จึงประสานแพทย์นิติเวช รพ.จุฬาลงกรณ์ และอุปกรณ์ตัดถ่าง มูลนิธิร่วมกตัญญู รุดไปตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุอยู่บนช่องทางเดินรถฝั่งซ้ายสุด ก่อนถึงทางแยกตัววายไปดาวคะนองและดินแดง ประมาณ 300 เมตร ซึ่งจุดดังกล่าว มีการวางสัญญาณไฟ ให้ผู้ใช้รถเบี่ยงเส้นทาง เนื่องจากมีเจ้าหน้าที่และเครื่องจักรอยู่ระหว่างก่อสร้าง ปรับสภาพผิวการจราจร จากการตรวจสอบพบ รถยนต์ยี่ห้อซูซูกิ รุ่นสวิฟท์ สีขาว ทะเบียน 1 ขก 8730 กรุงเทพมหานคร พุ่งชนป้ายบอกสัญญาณการก่อสร้าง ที่วางเตือนเอาไว้ จำนวน 3 ป้าย จนล้มระเนระนาด ก่อนเสียหลักเข้าไปอัดท้ายรถบรรทุก 6 ล้อ ยี่ห้อฮีโน่ สีขาว ทะเบียน 97-1076 กรุงเทพมหานคร ของเจ้าหน้าที่ที่กำลังปฏิบัติงาน จนรถเก๋งพังยับเยิน ส่งผลให้ผู้ขับขี่เสียชีวิตติดภายในซากรถคาเบาะที่นั่งคนขับ 1 ราย ทราบชื่อคือ นายฉัตรชัย บ้านมะหิงษ์ หรือ “ฉัตรชัย แฮมิลตัน” อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 119 หมู่ 6 ต.บ้านนา อ.บ้านนา จ.นครนายก สภาพศพนั่งอยู่ที่เบาะคนขับโดยไม่คาดเข็มขัดนิรภัย สวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีดำ ลายอักษรภาษาอังกฤษสีแดง นุ่งกางเกงขายาวสีดำ มีบาดแผลแตกที่ศีรษะ ข้อมือขวาหักผิดรูป เบื้องต้นพบโทรศัพท์มือถือของผู้ตาย 1 เครื่องจึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
จากการสอบสวน นายศรรัตน์ มีลือการณ์ อายุ 29 ปี คนขับรถบรรทุก 6 ล้อ พนักงานของ บจก.วิวัฒน์พล เอนจิเนียริ่ง ซึ่งเป็นผู้รับเหมาทำการปรับสภาพพื้นผิวการจราจรบนทางด่วน เล่าว่า นำรถบรรทุกอุปกรณ์มาปฏิบัติงาน ตรงจุดเกิดเหตุตั้งแต่ช่วงเวลาประมาณ 22.00 น.วันที่ 17 พ.ย. ระหว่างทำงานนั้น มีเจ้าหน้าที่ประมาณ 15 คน พร้อมเครื่องจักรและได้วางป้ายไฟสัญญาณ บอกเตือนผู้ใช้ทางให้เบี่ยงรถออก เพื่อป้องกันอุบัติเหตุ ตามกฎระเบียบทุกประการ ในขณะที่ตนเองยืนเก็บของอยู่ที่ด้านหลังรถ 6 ล้อ เห็นรถผู้ตายซึ่งวิ่งมาจากทางเลนขวาสุดแต่ไกล จากนั้นไถลซ้ายตรงดิ่งเข้ามาทางเลนซ้ายสุดแบบไม่แตะเบรก เหมือนมีอาการหลับใน จนตนต้องตัดสินใจกระโดดหนีตาย จากนั้นรถผู้ตายก็พุ่งชนป้ายไฟก่อนจะปรี่เข้ามาพุ่งชนท้ายรถตนอย่างจังเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ส่งผลให้เสียชีวิตคาซากรถในที่สุด
ขณะที่จากการตรวจสอบ ประวัติของ นายฉัตรชัย บ้านมะหิงษ์ ผู้ตายพบว่า เมื่อวันที่ 19 ก.ย. 57 เคยถูกศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ออกหมายจับคดี ร่วมกับ นายสหชัย เจียรเสริมสิน หรือ เสี่ยโจ้ นักธุรกิจค้าน้ำมันเถื่อนที่กำลังโด่งดัง มาก่อน โดยครั้งนั้นนอกจากเสี่ยโจ้และผู้ตายแล้ว ยังมี นางอัญญมาลย์ ชาวไร่อ้อย, น.ส.แตงไทย บ้านมะหิงษ์, น.ส.ปริญญาภรณ์ เจียรเสริมสิน, นางลดาวรรณ ธนูสังข์, นางศิริวรรณ สมบูรณ์ และ นางสีอรุณ อินทรยง ตกเป็นผู้ต้องหาด้วย ตามฐานความผิด ร่วมกันนำหรือพาน้ำมันเชื้อเพลิงดีเซลที่ยังมิได้เสียภาษี ยังมิได้ผ่านพิธีการทางศุลกากร เข้ามาในราชอาณาจักร, ร่วมกันช่วยเหลือซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ซื้อ รับจำนำ หรือรับไว้ด้วยประการใดๆ ซึ่งน้ำมันเชื้อเพลิงดีเซลอันตนรู้ว่าเป็นของที่นำเข้ามาในราชอาณาจักรโดยหลีกเลี่ยงอากร,
ข้อหาร่วมกันมีไว้ในครอบครอง หรือมีไว้เพื่อขายซึ่งสินค้า โดยรู้ว่าเป็นสินค้าที่มิได้เสียภาษีหรือเสียภาษีไม่ครบถ้วน, ร่วมกันมีและใช้มิเตอร์วัดปริมาณน้ำมันโดยไม่มีเครื่องหมายรับรอง ทั้งนี้ เป็นไปตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ศุลกากร พ.ศ. 2535 พ.ร.บ.สรรพสามิต พ.ศ. 2527 และประมวลกฎหมายอาญา นอกจากนั้น ยังมีข้อหาตาม พ.ร.บ.มาตรา ชั่ง ตวง วัด พ.ศ. 2542 พ.ร.บ.การค้าน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2543 และร่วมกันฝ่าฝืนหรือละเลยไม่ปฏิบัติตามกฎกระทรวง ประกาศ หรือคำสั่งที่ออกตามความใน พ.ร.บ.ควบคุมการแลกเปลี่ยนเงิน พ.ศ. 2485 (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2527 ประกอบกฎกระทรวงฉบับที่ 25 (พ.ศ. 2550 ) ลงวันที่ 19 ก.ย. 2550 ด้วย
โดยหลังจากนี้ พนักงานสอบสวนเจ้าของคดี จะมอบศพให้ นิติเวช รพ.จุฬาลงกรณ์ ทำการผ่าชันสูตรศพผู้ตายอย่างละเอียดอีกครั้ง พร้อมทั้งรายงานเหตุดังกล่าวให้ผู้บังคับบัญชาระดับสูงของ ตร.ทราบ ก่อนพิจารณาสั่งการตามลำดับขั้น และติดต่อญาติมารับศพผู้ตาย นำไปบำเพ็ญกุศลต่อไป