MGR Online - รอง ผบ.ตร.ถกความร่วมมือภาครัฐ-เอกชน แก้ปัญหาการขับรถฝ่าฝืนกฎหมาย งัดมาตรการบังคับใช้กฎหมายกับผู้กระทำผิดวันนี้ ดีเดย์กวดขันเข้มงวด 15 พ.ย.นี้ มุ่งสร้างวินัยการขับขี่ ป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน
วันนี้ (10 พ.ย.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารงานจราจร (ศจร.ตร.) พร้อมด้วยพล.ต.ท.ปรีชา เจริญสหายานนท์ พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร., นายสกลธี ภัททิยกุล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร, น.ส.ณัฎกร โอภาสทิพากร นักวิชาการขนส่งชำนาญการ กรมการขนส่งทางบก ร่วมแถลงผลการประชุมการบูรณาการความร่วมมือในการบังคับใช้กฎหมายของหน่วยงานภาคีเครือข่ายเพื่อป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน อันเกิดจากการกระทำผิดของผู้ใช้รถใช้ถนน นอกจากนี้ การประชุมยังได้เชิญบริษัทที่ให้บริการขนส่งอาหาร สิ่งของ และเครือข่ายด้านความปลอดภัยบนท้องถนน เข้าร่วมประชุมหารือใช้เวลาการประชุม 1 ชั่วโมง
พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวว่า วันนี้เป็นการประชุมเพื่อกำหนดมติการบูรณาการความร่วมมือกัน โดยใช้มาตรการบังคับใช้กฎหมาย โดยตำรวจจะบังคับใช้กฎหมายกับกลุ่มรถจักรยานยนต์ที่กระทำผิด ในพื้นที่เขตเมือง เขตชุมชน หรือเขตสถานศึกษา อย่างเข้มงวด ทั้งนี้ได้กำหนดมติการบูรณาการความร่วมมือกันโดยแบ่งเป็น 3 ประเด็น ดังนี้ 1. มาตรการบังคับใช้กฎหมาย โดย ตร.จะบังคับใช้กฎหมายกับกลุ่มรถจักรยานยนต์ที่กระทำผิด ในพื้นที่เขตเมือง เขตชุมชน หรือเขตสถานศึกษา อย่างเข้มงวด ในข้อหา ขับรถย้อนศร (ปรับไม่เกิน 500 บาท) ขับรถฝ่าฝืนสัญญาณไฟจราจร (ปรับไม่เกิน 1,000 บาท) ขับรถรถจักรยานยนต์บนทางเท้า (ปรับตาม พ.ร.บ.จราจรฯ 400 -1,000 บาท และปรับตาม พ.ร.บ.รักษาความสะอาดฯ ไม่เกิน 5,000 บาท) รวมถึงการขับรถปาดซ้ายปาดขวา ซึ่งเป็นการขับรถโดยประมาทหรือน่าหวาดเสียว (ปรับ 400-1,000 บาท) ทั้งนี้ นอกจากการออกใบสั่งตามปกติแล้ว หากพฤติการณ์การกระทำผิดข้างต้นดังกล่าวมีลักษณะที่อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้ใช้รถใช้ถนน หรือประชาชนทั่วไป เจ้าหน้าที่ตำรวจจะดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดในข้อหา “ขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนของผู้อื่น” ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน ปรับ 2,000-10,000 บาท โดยจะต้องมีการสอบสวนดำเนินคดีและยื่นฟ้องผู้กระทำผิดต่อศาล ยึดรถใช้ในการกระทำผิดเป็นของกลางในคดีและมีคำร้องขอให้ศาลริบเป็นของแผ่นดิน
ทั้งนี้ จะใช้วิธีการตรวจจับการกระทำผิด 5 วิธี ด้งนี้ 1. ตรวจพบการกระทำผิดซึ่งหน้าในขณะอำนวยความสะดวกการจราจร 2. การใช้ชุดสายตรวจจราจรออกตรวจในพื้นที่จุดเสี่ยงที่มีการฝ่าฝืนกฎหมายหรือจุดที่เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง 3. การตั้งจุดตรวจกวดขันวินัยจราจร 4. การใช้กล้องตรวจจับความผิด 5. การรับข้อมูลจากประชาชน ที่บันทึกเหตุการณ์การกระทำผิดดังกล่าว
สำหรับความร่วมมือของหน่วยงานภาคีเครือข่ายในการกำกับติดตามผู้กระทำผิดกฎหมาย เช่น กทม.ได้ร่วมบูรณาการการบังคับใช้กฎหมายเรื่องการขับรถบนทางเท้า ซึ่งเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.รักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ. 2535, กรมการขนส่งทางบก ร่วมบูรณาการกำกับดูแล การจัดตั้งวินรถจักรยานยนต์สาธารณะ และการขอจดทะเบียนขึ้นทะเบียนเป็นรถจักรยานยนต์สาธารณะ หากกระทำความผิดตามหลักเกณฑ์ของกรมการขนส่งทางบก จะดำเนินการเพิกถอนใบอนุญาต หรือ พักใบอนุญาตขับขี่ชั่วคราว
ส่วนบริษัทที่ให้บริการด้านการขนส่งสินค้าและอาหารดีลิเวอรี ร่วมบูรณาการใช้มาตรการองค์กร กำกับดูแลผู้ขับขี่ในสังกัดให้ปฏิบัติตามกฎหมาย โดย ตร.ประสานข้อมูลประวัติการกระทำผิด ข้อมูลการบังคับใช้กฎหมาย เพื่อให้บริษัทคัดกรองผู้ขับขี่ที่มีคุณภาพและปฏิบัติตามกฎจราจร และบริษัทฯ จะเพิ่มหมายเลขพนักงานหลังเสื้อบริษัท
นอกจากนี้ ยังมีช่องทางให้ประชาชน ส่งคลิปกล้องหน้ารถ ที่บันทึกภาพเหตุการณ์การกระทำผิดกฎหมายจราจร และมีพฤติการณ์การขับขี่ที่ส่งผลให้เกิดอันตรายต่อบุคคลอื่น เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามดำเนินคดีกับผู้ขับขี่มาดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยดำเนินการร่วมกับมูลนิธิเมาไม่ขับ สวพ.91 จส.100 และภาคีเครือข่ายสื่อมวลชน เพื่อรณรงค์ให้ประชาชนร่วมเป็น “อาสาตาจราจร” หากพบการกระทำผิดและมีคลิปบันทึกเหตุการณ์สามารถส่งคลิปมาได้ในช่องทางที่กำหนด ได้แก่ ศูนย์โซเชียลมีเดีย ศปก.ตร., จส.100, สวพ.91, มูลนิธิเมาไม่ขับ โดยคณะทำงาน ศจร.ตร. จะตรวจสอบข้อมูลจากคลิปของประชาชน หากพบว่าเป็นการกระทำผิดกฎหมาย จะส่งข้อมูลไปยังสถานีตำรวจในพื้นที่เกิดเหตุ เพื่อดำเนินคดีกับผู้ขับขี่ นอกจากนี้ มูลนิธิเมาไม่ขับ จะมีการมอบรางวัลให้กับเจ้าของคลิป ทุกเดือนๆ ละ 10 รางวัล รวมเป็นเงิน 50,000 บาท
ทั้งนี้ จะเริ่มต้นมาตรการบังคับใช้กฎหมายตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป และจะเริ่มใช้อย่างเข้มข้น ตั้งแต่วันที่ 15 พ.ย. 2564 เพื่อมุ่งหมายในการสร้างวินัยการขับขี่ ป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน ให้ประชาชนสามารถใช้รถใช้ถนนด้วยความปลอดภัย โดยมีตัวอย่างการดำเนินคดีตามมาตรการดังกล่าวจากกล้องหน้ารถที่บันทึกการกระทำผิดของรถจักรยานยนต์ที่ฝ่าฝืนสัญญาณไฟแดงในพื้นที่ สน.พหลโยธิน ซึ่งพนักงานสอบสวนได้เชิญตัวผู้ขับขี่ที่กระทำผิดมาแจ้งข้อหา “ขับรถฝ่าฝืนสัญญาณไฟจราจร” และ “ขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยฯ” ซึ่งจะนำตัวส่งฟ้องศาลแขวงพระนครเหนือต่อไป
นายสกลธี กล่าวว่า ทางกรุงเทพมหานครได้กวดขันการฝ่าฝืนขับขี่รถจักรยานยนต์จอดบนทางเท้าอย่างเข้มงวดตั้งแต่เดือนก.ค.61-ปัจจุบัน ได้จำนวน 40,000 ราย เป็นเงินเข้าราชการ 44 ล้านบาท ส่วนใหญ่จับเป็นการจับซึ่งหน้าโดยเจ้าหน้าที่ ทั้งการตั้งจุดตรวจ และชุดเคลื่อนที่เร็วของแต่ละสำนักงานเขต ส่วนการดำเนินการปรับตาม พ.ร.บ.รักษาความสะอาด ปรับในข้อหาดังกล่าวได้ไม่เกิน 5,000 บาท แต่เป็นนโยบายของกรุงเทพมหานครที่จะปรับจำนวน 2,000 บาทในทุกกรณี อีกส่วนหนึ่งที่ให้ประชาชนได้แจ้งเบาะแสเข้ามาด้วยตั้งแต่กวดขันมามีผู้แจ้งแล้วทั้งสิ้น 160,000 ราย ปรับไปแล้ว 77,000 เรื่อง ในกรณีไม่สามารถติดตามตัวได้ก็จะส่งดำเนินคดีกับพนักงานสอบสวน 38,000 เรื่อง ส่วนเงินค่าปรับทั้งสิ้นที่มีผู้แจ้งเบาะแสเข้ามา ทางกรุงเทพมหานครจ่ายไปแล้ว 2,600,000 บาท