อัยการฟ้อง “ป้าเป้า” กับพวกรวม 8 คน ร่วมม็อบก่อความวุ่นวาย “11 สิงหา ไล่ล่าทรราช” ที่อนุสาวรีย์ชัย ก่อนศาลให้ประกันตัว โดยไม่ต้องวางหลักทรัพย์
วันนี้ (2 พ.ย.) ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก พนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญา 3 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นางวรวรรณ หรือ ป้าเป้า แซ่อั้ง อายุ 67 ปี แนวร่วมกลุ่มการเมือง กับพวกรวม 8 คน เป็นจำเลยในความผิดฐานร่วมกันมั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปใช้กำลังประทุษร้าย ขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย หรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดการวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง โดยผู้กระทำความผิดคนหนึ่งคนใดมีอาวุธ และเมื่อเจ้าพนักงานสั่งผู้ที่มั่วสมเพื่อกระทำความผิดตามมาตรา 215 ให้เลิกไปผู้ใดไม่เลิก, ร่วมกันต่อสู้หรือขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่ โดยใช้กำลังประทุษร้ายหรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย โดยมีหรือใช้อาวุธและโดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป, ร่วมกันจัดกิจกรรมรวมกลุ่มของบุคคลที่มีจำนวนรวมกันมากกว่า 5 คน ในพื้นที่ที่มีประกาศหรือคำสั่งกำหนดเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข็มงวด,ร่วมกันชุมนุมหรือทำกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่โรค ในพื้นที่ที่มีประกาศหรือคำสั่งกำหนดเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด
อัยการโจทก์ระบุพฤติการณ์สรุปว่า เมื่อวันที่ 11 ส.ค. 2564 จำเลยทั้ง 8 คน กับกลุ่มผู้ร่วมชุมนุมประมาณ 200 คน ร่วมจัดกิจกรรม “11 สิงหา ไล่ล่าทรราช” ซึ่งมีผู้ร่วมชุมนุม รถยนต์ รถยนต์พร้อมเครื่องขยายเสียง รถจักรยานยนต์ ที่บริเวณ ถ.ราชวิถี วงเวียนอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ แขวงถนนพญาไท เขตราชทวี กรุงเทพฯ อันเป็นเขตพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด โดยมีการลงมาเดินบนถนนทำกิจกรรมเผาหุ่นฟาง กล่าวปราศรัยวิจารณ์รัฐบาลเรื่องจัดหาวัคซีนป้องกันการระบาดโควิด-19 และโจมตีการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจในการใช้มาตรการดำเนินการจับกุมและสลายการชุมนุม ซึ่งการรวมกลุ่มลักษณะปิดกั้นการสัญจรไปมา และมีการขว้างปาวัตถุสิ่งของใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชนระหว่างที่ข้อกำหนด ประกาศ คำสั่งที่นายกรัฐมนตรีกำหนดขึ้นตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกท้องที่ทั่วราชอาณาจักรดังกล่าวมีผลบังคับใช้
ศาลประทับฟ้องคดีไว้พิจารณาเป็นคดีหมายเลขดำ อ.2693/2564 และนัดสอบคำให้การต่อไป
ต่อมาจำเลยทั้งหมดได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว ศาลพิจารณาแล้วอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวจำเลยที่ 1-3 หากผิดสัญญาประกันปรับคนละ 70,000 บาท ส่วนจำเลยที่ 4-8 อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวหากผิดสัญญาประกัน ปรับคนละ 35,000 บาท โดยจำเลยทั้งหมดไม่จำต้องวางหลักประกัน เนื่องจากตั้งแต่ชั้นฝากขังจำเลยทั้งหมดไม่หลบหนี ประกอบกับอัยการโจทก์ไม่คัดค้านการปล่อยตัว จึงมีความเสี่ยงที่จำเลยจะหลบหนีน้อย