สืบนครบาลจับกุมอดีตเซลส์สาวหลอกขายอุปกรณ์ทางการแพทย์ตามโรงพยาบาล สารภาพติดพนันออนไลน์ หาเงินใช้หนี้
วันนี้ (29 ต.ค.) พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.ธีรศักดิ์ จันทราพิพัฒน์ ผกก.สส.4 บก.สส.บช.น. พ.ต.ท.วรปรัชญ์ วุฑฒิรักษ์ รอง ผกก.สส.4 บก.สส.บช.น. และ พ.ต.ต.อภิสิทธิ์ ธัยยามาตร์ สว.กก.สส.1 บก.สส.บช.น. นำกำลังจับกุม น.ส.อรัชพร ใหญ่ท้วม อายุ 34 ปี ตามหมายจับศาลอาญาธนบุรี ที่ 497/2564 ลงวันที่ 29 ก.ย. 2564 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน ร่วมกันฉ้อโกงและโดยทุจริตหรือหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน จับกุมได้บริเวณลานจอดรถ รพ.คลองตัน ถ.เพชรบุรีตัดใหม่ แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 28 ต.ค.ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 20.30 น.
พล.ต.ต.นพศิลป์ กล่าวว่า สืบเนื่องจากก่อนหน้านี้ รพ.คลองตัน แจ้งว่า ผู้ต้องหามาติดต่อขายชุด PPE ประมาณ 600 ชุด ให้กับทาง รพ. โดยมีการให้จ่ายเงินให้กับ น.ส.อรัชพร ผู้ต้องหาก่อนประมาณ 80,000 บาท แต่ผู้ต้องหาไม่มีการส่งสินค้าให้กับทางโรงพยาบาลแต่อย่างใด จึงเข้าแจ้งความ ต่อมาตำรวจชุดจับกุมทราบเรื่องดังกล่าว จากการตรวจสอบประวัติผู้ต้องหา พบว่า น.ส.อรัชพร มีหมายจับ สน.ภาษีเจริญ ในกรณีลักษณะดังกล่าว โดยในคดีนี้ น.ส.อรัชพร ร่วมกับ ผู้ต้องหาอื่นอีก 2 คน หลอกขายหน้ากากอนามัยให้กับชาวต่างชาติทางสื่อออนไลน์ มีมูลค่าความเสียหายประมาณ 200,000 บาท
ทั้งนี้ จากการสืบทราบข้อมูลเพิ่มเติม พบว่า ผู้ต้องหามีพฤติกรรมติดต่อขายอุปกรณ์ทางการแพทย์ หรือสินค้าอื่นเช่น ชุด PPE หน้ากากอนามัย ถุงมือทางการแพทย์ กับทางโรงพยาบาลหลายแห่ง ทั้งในจังหวัดนครนายก เชียงใหม่ มีมูลค่าความเสียหายรวมทั้งหมดประมาณ 300,000 บาท
พล.ต.ต.นพศิลป์ กล่าวว่า สอบสวนผู้ต้องหาให้การว่า ก่อนหน้านี้ เคยทำงานเป็นเซลส์ขายอุปกรณ์ทางการแพทย์ โดยมีหน้าที่เป็นคนกลางติดต่อผู้ซื้อกับผู้ขายเพื่อทำกำไรจากสินค้า มีการไปติดต่อขายสินค้าตาม รพ.ต่างๆ เป็นประจำ แต่เนื่องจากติดการพนันออนไลน์ ทำให้นำเงินของลูกค้าไปใช้เล่นการพนัน และเสียการพนัน ทำให้ไม่มีสินค้าไปส่งให้ จึงก่อเหตุในที่อื่นๆ เพื่อหมุนเงินนำไปใช้ โดยก่อเหตุตาม รพ.ต่างๆ มาหลายที่ จนกระทั่งถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมได้ในที่สุด เบื้องต้นจึงควบคุมคัวส่งพนักงานสอบสวน สน.ภาษีเจริญ เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป