“ข่าวลึกปมลับ” ออกอากาศทาง NEWS1 ล้วงปมลึก คลายปมลับ ตีแผ่ประเด็นร้อน กับ นพรัฐ พรวนสุข บก.ข่าวการเมือง และกระบวนการยุติธรรม วันจันทร์ที่ 25 ตุลาคม 2564 ตอน กระแสยันตระ ความงมงาย ห้ามกันไม่ได้
“ถูกหรือผิดกันแน่”
ชาวไทยพุทธวิจารณ์กันลั่นสนั่นเมือง เมื่อเห็นภาพที่แชร์กันกระจาย เหล่า พส. พระสงฆ์ พากันกราบไหว้ “หลวงปู่ยันตระ” ในลุคหนวดเครายาว ผมยาว ราวกับฤาษี มีจีวรสีเขียวคลุมร่าง
ในโอกาสเดินทางกลับประเทศไทย มาฉลองวันเกิดครบ 70 ปี หลังจากที่ต้องระหกระเหินจากบ้าน ไปตั้งสำนักที่สหรัฐอเมริกา นานถึง 30 ปี
เป็นการหนีคดีอาญาหมิ่นสมเด็จพระสังฆราช และความอื้อฉาวคาวโลกีย์ ต้องอาบัติปาราชิกกับบรรดาสีกาจำนวนมาก ซึ่งสีกาบางรายถึงกับออกมาเปิดโปงว่า “มีลูกด้วยกัน”
บรรดาผู้ที่มีศรัทธาในตัวหลวงปู่ยันตระไม่เสื่อมคลาย ก็ให้เหตุผลของการกราบไหว้ว่า แม้ยันตระจะไม่ได้เป็นพระสงฆ์แล้ว แต่คนเราทุกคนสามารถเข้าถึงพุทธธรรมได้ด้วยตัวเอง
พร้อมตั้งคำถามกลับว่า “อยากรู้ว่าพระพุทธเจ้าได้บัญญัติไว้ที่ใดบ้าง ว่าห้ามพระไหว้ฆราวาส หากรู้ว่าฆราวาสนั้นบรรลุธรรมแล้ว หรือมีศีลสูงกว่า”
ผู้ที่ออกวินิจฉัยเรื่องนี้อย่างชัดเจน คือ พระธรรมกิตติเมธี (เกษม สัญญโต) กรรมการมหาเถรสมาคม (มส.) ประธานศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย ที่ออกมาชี้ว่า แม้อดีตพระยันตระ จะกล่าวอ้างยืนยันว่ายังเป็นพระ เพียงแต่ไม่ปลงผม หนวด แต่คณะสงฆ์ไทยถือว่าท่านปาราชิก ไม่สามารถดำรงตนในฐานะพระภิกษุได้อีกต่อไป ต้องสึก ขาดจากความเป็นพระไปแล้ว
“การกระทำของพระสงฆ์ที่ปรากฏตามภาพในโลกออนไลน์ จึงถือเป็นความผิด อาบัติทุกกฎ” พระธรรมกิตติเมธี กรรมการมหาเถรสมาคม ฟันธง
แต่คนที่ออกมาเป็นหัวหอกเอาเรื่อง หลวงปู่ยันตระ ก็คือ “นักร้องคนดัง” นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย
นายศรีสุวรรณ จรรยา ทำหนังสือด่วนร้องเรียนไปยังมหาเถรสมาคม ผ่านสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ให้ดำเนินการเอาผิดอดีตพระยันตระ หรือนายวินัย ละอองสุวรรณ ตามประมวลกฎหมายอาญา ม.208 ประกอบ พ.ร.บ.คณะสงฆ์ 2505 ม.29
โดยขอให้ดำเนินการด่วนภายในวันที่ 27 ต.ค.นี้ ก่อนที่หลวงปู่ยันตระจะเดินทางกลับอเมริกา
นายศรีสุวรรณให้เหตุผลต้องดำเนินการว่า เพราะยันตระออกทีวีให้สัมภาษณ์ว่า ตัวเองยังเป็นพระอยู่ เพียงแต่รูปแบบภายนอกเท่านั้นที่เปลี่ยนแปลงไป
ไม่เล่นงานแค่ตัวยันตระ นายศรีสุวรรณเรียกร้องให้ดำเนินการกับเหล่า พส. ด้วย โดยขอให้กำหนดมาตรการหรือออกมติมหาเถรสมาคม เพื่อจัดการพระภิกษุทั้งหลายที่ลดตัวเองไปกราบไหว้พวกอลัชชี
ยันตระเป็นอลัชชีอย่างไร? เหตุการณ์มันเกิดขึ้นนานมากแล้วจนหลายคนอาจลืมเลือนไป หลายคนยังเกิดไม่ทัน
ครั้งหนึ่ง พระยันตระ อมโรภิกขุ เจ้าสำนักสุญญาตาราม เคยเป็นพระที่ได้รับความศรัทธาจากชาวไทยพุทธอย่างสูง เวลาออกบิณฑบาตจะมีชาวบ้านมาต่อคิวยาว 1-2 กิโลเมตร เป็นเรื่องปกติธรรมดา
ย่างเท้าไปเยือนที่ใด ชาวพุทธจะปูผ้าให้ก้าวเหยียบ เพื่อเก็บไปบูชาเป็นสิริมงคล
แต่แล้ว พระยันตระก็โดนเปิดโปงจากเหล่าสีกา และลูกศิษย์เก่าที่ตาสว่าง โดยหมัดน็อกก็คือ การเปิดตัวของนางจันทิมา มายะรังษี และลูกสาวชื่อ เด็กหญิงกระต่าย ที่อ้างว่าเป็นลูกสาวที่เกิดกับพระยันตระ
นางจันทิมาและเด็กหญิงกระต่าย ยื่นแขนให้เจาะเลือดเพื่อพิสูจน์ดีเอ็นเอความเป็นพ่อลูก แต่พระยันตระหนีการพิสูจน์ดังกล่าว
มิหนำซ้ำ ยังมีลูกศิษย์สาวระดับไฮโซ ที่เคยถวายบัตรเครดิตให้พระยันตระรูดได้ตามอัธยาศัย เจอหลักฐานเด็ด
เพราะตรวจสอบพบว่า พระอาจารย์คนดัง นำบัตรไปรูดซื้อบริการทางเพศแหม่มสาว ในซ่วงที่ประเทศออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ รวมถึงนำบัตรไปรูดเช่ารถเพื่อขับท่องเที่ยวกับสีการายหนึ่งที่นิวซีแลนด์
มหาเถรสมาคม จึงมีมติให้พระยันตระสึกจากสงฆ์เนื่องจากต้องอาบัติปาราชิกชัดเจน
แต่เจ้าตัวก็เลี่ยงบาลี ด้วยการห่มจีวรเขียวแทน แล้วหลบหนีไปตั้งสำนักที่อเมริกาตราบจนทุกวันนี้
ในเพจ “ยันตระ แห่งสุญญาตาราม” ก็ยังแพร่ภาพ หลวงปู่ยันตระหนวดเครารุงรัง เดินย่ำผ้าที่ผู้มีศรัทธาปูแทบเท้า เหมือนสมัยยังเป็นพระดังหมายเลข 1 ของเมืองไทยทุกประการ
จึงสรุปได้ว่า ความศรัทธาเป็นเรื่องเฉพาะตัวที่ห้ามกันไม่ได้ ขณะเดียวกัน ความลุ่มหลงงมงาย ก็เป็นเรื่องเฉพาะตัวที่ห้ามกันไม่ได้ เช่นกัน