รายการ “ถอนหมุดข่าว” ทาง NEWS1 โดย นพรัฐ พรวนสุข บก.ข่าวการเมืองและกระบวนการยุติธรรม เครือผู้จัดการ วันที่ 12 ต.ค.64 นำเสนอรายงานพิเศษ ลีลารัก พระเมือง หลวงก็มี อนุก็มาก
เบื้องหลังมติมหาเถรสมาคมสั่งปลด “เจ้าคุณบัวศรี” หรือพระเทพสารเมธี เจ้าอาวาสวัดประชานิยม และเจ้าคณะจังหวัดกาฬสินธุ์ ไม่มีความผิดในเรื่องอื่น แท้จริงแล้วมาจากการละเว้นไม่สะสางคดีอธิกรณ์ หลวงพ่อเมือง พลวัฑโฒ หรือพระโพธิญาณมุนี เจ้าอาวาสวัดป่ามัชฌิมาวาส จ.กาฬสินธุ์ ที่ถูกร้องเรียนเป็นข่าวเสียๆ หายๆ มานานหลายปี
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เกิดเป็นคดีสะเทือนใจชาวพุทธ เมื่อมี “คู่กัด” ระหว่างพระผู้ใหญ่วัย 75 กับสีกาสาววัย 35 หลวงพ่อเมือง ฟ้องสีกาบี น.ส.โสมณุดา สัมมานุช และสีกาบี ก็ฟ้องหลวงพ่อเมืองตอบโต้
โดยสีกาบีกล่าวหาหลวงพ่อเมือง ว่าต้องปาราชิก จนขาดจากการเป็นพระไปนานแล้ว เนื่องจากเคยมีเพศสัมพันธ์กัน
ไม่มีทางที่จะเป็นอรหันต์ อย่างที่บรรดาศิษย์อวยกัน
คำให้การในชั้นศาลของสีกาบี ระบุว่า หลวงพ่อเมืองมักโทรมาจีบ เคยชักชวนสองแง่สามง่ามให้ไปเที่ยว “นครสวรรค์” ด้วยกัน นอกเหนือจากอ้างว่าอดีตชาติเคยเป็นคู่กันมาก่อน
แต่ยาแก้แพ้ คือจุดที่ทำให้สีกาบีพ่ายแพ้ เมื่อได้รับคำสั่งให้นำยาแก้แพ้ไปให้หลวงพ่อเมือง ที่กุฏิหลายหน จนในที่สุด ก็ถูกใช้กำลังปลุกปล้ำ
สีกาบีให้การด้วยว่า ต่อมาตัวเองได้ไปรู้จักสีกาอีก 5 คน ที่มีปัญหากับหลวงพ่อเมืองในแบบเดียวกัน แต่ไม่มีใครกล้าลุกขึ้นมาเอาเรื่อง
ทั้งนี้ สีกาที่มีบทบาทสำคัญกับหลวงพ่อเมืองมากที่สุด จนถูกชาวบ้านเมาธ์ว่าเป็น “หลวง” ชื่อว่า สีกา อ.
ส่วนสีกาคนอื่นๆ เป็นได้ก็แค่ “อนุ” รวมถึงตัวสีกาบีเอง
“อนุ” คนหนึ่งเป็นสาวไฮโซกรุงเทพฯ ที่ก็ต้องเดินทางไปๆ มาๆ กทม.-กาฬสินธุ์ บ่อยๆ
ว่ากันว่า วิธีการที่พระให้เงินเลี้ยงดูตอบแทนเหล่าสีกา จะกระทำอย่างแนบเนียน เวลาออกบิณฑบาต
ก้อนข้าวเหนียวที่พระสงฆ์ยื่นให้สีกาไปกินด้วยเมตตา
ที่แท้เป็นข้าวเหนียวยัดไส้ ซุกซ่อนธนบัตรไว้ข้างใน ยากที่ใครจะจับได้ไล่ทัน แต่เป็นที่รู้กันระหว่างพระกับสีกา
ข้าวเหนียวก้อนไหนโตมากๆ ก็หมายถึงมีเงินยัดไว้ข้างในมาก สีกาที่สาวสุด หน้าตาดีสุด ลีลาประทับทรวงที่สุด ก็จะได้ข้าวเหนียวก้อนโตที่สุดไปกิน
สีกาบีให้การว่า หลวงพ่อเมืองมักตามตื๊อข้ามจังหวัด จากวัดที่กาฬสินธุ์ เดินทางไปหาถึงบ้านของตนที่มหาสารคาม จนตัวเองสุดทนที่เห็นพ่อเป็นปลื้ม ไหว้หลวงพ่อเมืองประหลกๆ
เลยวางแผน ใช้กล้องปากกามาแอบถ่ายคลิปลับของตัวเองกับพระ
พระคนสนิทรูปหนึ่งของหลวงพ่อเมือง เมื่อได้เห็นชมคลิปหลักฐานชิ้นนี้กลางศาล ถึงกับร้องไห้น้ำตาไหลพราก พร้อมกล่าวว่า “นี่คืออาจารย์ของผมเอง”
จริงๆแล้ว คลิปลับ “พระหน้าเหมือน” นี้ จะมาไม่ถึงชั้นศาลเลย หากหลวงพ่อเมือง และบรรดาผู้สนับสนุนทั้งหลาย ไม่ทำให้เรื่องเล็กให้กลายเป็นเรื่องใหญ่
หรือที่คำพังเพยไทยเรียกว่า ต้อนสุนัขให้จนตรอก
ตอนแรก สีกาบีปรินต์ภาพบางส่วนจากคลิป ใส่ซองมอบให้หลวงพ่อเมืองไปเงียบๆ เจตนาแค่หวังจะให้ยุติการตามตื๊อ
แต่พวกลูกศิษย์ได้บีบให้สีกาบี ทำพิธีขอขมา ซึ่งสีกาบีก็ยอมโดยดี
ยอมขอขมากันแล้ว เรื่องก็น่าจะจบลงโดยดี แยกย้ายกันไปทางใครทางมัน
แต่ฝ่ายพระเล่นไม่เลิก กลับนำการขอขมาดังกล่าวมาเป็นทีเด็ด พยายามเอาผิดคดีอาญาต่อสีกาบี ข้อหากรรโชกทรัพย์ 30 ล้านบาท และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์
สีกาบีกลายเป็นจำเลย โดนพิพากษาจำคุกถึง 2 ศาล แต่มารอดในท้ายสุด เมื่อศาลฎีกายกฟ้อง
ขณะเดียวกัน สีกาบีก็เปิดศึกกับพระเมืองไปสิบทิศ ทั้งร้องศาลสงฆ์ ร้องนายกรัฐมนตรี ร้อง “สนธิทอล์ก” รวมถึงฟ้องศาล เพื่อเอาผิดพระเมืองและลูกศิษย์ตำรวจ ตลอดจนแม่ชี แบบเจตนาจะล้างบาง
ในส่วนของศาลสงฆ์ ก็เลยถือโอกาสยุติการสอบสวนชั่วคราว อ้างว่าต้องรอผลจากศาลทางโลกก่อน
เมื่อได้รับการยกฟ้องในชั้นฎีกา สีกาบีกัดไม่ปล่อย ยื่นร้องต่อสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จี้ให้ศาลสงฆ์ไต่สวนด้านพระธรรมวินัยต่อ
ย้ำว่าตัวเองรู้หมด ตำหนิในที่ลับของหลวงพ่อเมือง
ผ่านมาแล้ว 2 ปี ก็ไม่มีใครจัดพิสูจน์ในที่ลับดังกล่าว
หลวงพ่อเมืองก็เดินหน้าสร้างศรัทธาต่อไป กับโครงการก่อสร้างมหาเจดีย์ที่ใหญ่ที่สุดของเมืองไทย
จะว่าสายปกครองสงฆ์กาฬสินธุ์ “ใส่เกียร์ว่าง” หรือขาดความรู้ความเข้าใจในการไต่สวนคดี ก็ยากจะชี้ชัดลงไป แต่ที่ชัดแน่ๆ พระเมืองไร้มลทินมาโดยตลอด
ถือเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างการปกครองสงฆ์ ที่หย่อนยาน อืดอาด เล่นพรรคเล่นพวก
เมื่อ “เจ้าคุณบัวศรี” ถูกปลดฟ้าผ่าตามมติมหาเถรสมาคม กุฏิของหลวงพ่อเมือง ก็ต้องสั่นสะท้านไหวยวบตามมา อย่างช่วยไม่ได้