รายการ “ถอนหมุดข่าว” ทาง NEWS1 โดย นพรัฐ พรวนสุข บก.ข่าวการเมืองและกระบวนการยุติธรรม เครือผู้จัดการ วันที่ 21 ต.ค.64 นำเสนอรายงานพิเศษ ทหารจับตา ภาคีปฏิวัติ PRA โฉมใหม่ทะลุแก๊ส
เมื่อกลุ่มทะลุแก๊ซ ประกาศเปลี่ยนชื่อเป็น “ภาคีปฏิวัติประชาชนไท-PRA” โดยจะยกระดับเป้าหมายของตัวเอง ไปถึงขั้นปลดปล่อยล้านนา-อีสาน-ปาตานี
แน่นอนว่า ประกาศดังกล่าว ย่อมเรียกความฮึกเหิมคึกคักให้กับประชาชนฝ่ายสนับสนุนม็อบทะลุแก๊ซ
แต่ขณะเดียวกัน พอมีคำว่า “ปาตานี” ในแนวทางโจรใต้แบ่งแยกดินแดน ก็เป็นการทำลายน้ำหนักของคำประกาศนั้นในตัวเองเช่นกัน เนื่องจากดูเป็นเรื่องจินตนาการกว้างไกลเกินไป
อย่างไรก็ดี การกลายร่างจาก “ทะลุแก๊ซ” เป็น “ภาคีปฏิวัติประชาชนไท” ก็เรียกความสนใจจากฝ่ายทหารได้ในทันที
พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด หล่นความเห็นออกมาว่า “ยังคงเป็นระดับการใช้สิทธิในการแสดงความคิดเห็นมากกว่า ซึ่งยังไม่ส่งผล”
พล.อ.เฉลิมพล มองว่า การเคลื่อนไหวดังกล่าว เป็นลักษณะของการแสดงออกภายใต้ข้อกฎหมาย การดำเนินการเป็นหน้าที่ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อดูตามข้อกฎหมาย
แต่ถ้ามีกระบวนการไปกระทบเรื่องความมั่นคง และสุดท้ายปลายทางกระทบเอกราช อธิปไตย ก็เป็นหน้าที่ของกองทัพที่จะดำเนินการ
ต่อคำถามที่ว่า กองทัพจะไม่ยุ่งกับการชุมนุมใช่หรือไม่ บิ๊กแก้วตอบว่า ในส่วนการดูแลเรื่องการชุมนุมเป็นบทบาทของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการบังคับใช้กฎหมาย ในส่วนของทางการทหาร เราก็มีหน้าที่เรื่องความไม่สงบเรียบร้อย
หากสถานการณ์พัฒนา ไปสู่สถานการณ์ที่เริ่มบอกว่าไม่สงบเรียบร้อย ทหารก็ต้องเข้าไปเพื่อดำเนินการ ถ้ายึดถือกันตามหน้าที่แล้วนั้น หน้าที่ทหารก็คือปราบปรามกบฏและจลาจล
ผู้บัญชาการทหารสูงสุดย้ำว่า ถ้ามีกบฏ ถ้ามีจลาจล เป็นหน้าที่ทหาร แต่ถ้ายังไม่ถึง ตำรวจก็ดูแล และถ้าขอบเขตนั้นกว้างขวาง ไม่ถึงกบฏ ไม่ถึงจราจล ทหารอาจถูกขอให้ไปเป็นผู้ช่วยเจ้าพนักงาน
ทั้งนี้ การเปลี่ยนชื่อขอกลุ่มทะลุแก๊ซ เป็น “ภาคีปฏิวัติประชาชนไท-PRA” ได้ประกาศผ่านทวิตเตอร์ของกลุ่มถึงจุดยืน 4 ข้อ ตอนหนึ่งว่า
1. Twitter ทะลุแก๊ซจะถูกปรับไปใช้รูปแบบของ ภาคีปฏิวัติประชาชนไท อย่างเต็มรูปแบบ และทางเฟซบุ๊ก จะเหลือไว้เพียงพื้นที่แจ้งข่าวเท่านั้น
2. เพื่อสร้างพื้นที่ขยายแนวร่วมในการลุกขึ้นตอบโต้รัฐและกำหนดชีวิตร่วมกัน “ทั่วกรุงเทพฯ” ทางภาคีได้มีมติแล้วว่า เราจะทำการจัดตั้งกลุ่มนักปฏิวัติสามัญชนให้อยู่ในทุกตารางเมตรของกรุงเทพฯ
3. กลุ่มคนจัดตั้งเหล่านี้ จุดความหวังในการสร้างสังคมแห่งความเท่าเทียม เรียกร้องรัฐธรรมนูญประชาชนเพื่อประชาชน โค่นล้มระบอบการปกครองเผด็จการกษัตริย์นิยม ปลดปล่อยอีสานล้านนา ปาตานีให้เป็นอิสระในเป้าหมายต่อไป เพราะนี่คือการปฏิวัติชั่วชีวิต
4. นี่เป็นอีกครั้งที่สันติวิธีอหิงสาไม่ใช่คำตอบ ในสังคมที่ผู้คนล้วนแล้วแต่มีสำนึกทางการเมืองแบบหน้าไหว้หลังหลอกเป็นบรรทัดฐาน
ต้องติดตามดูกันต่อไป พวกนี้จะทะลุไปได้แค่ไหน