MGR Online - จตช.ลงพื้นที่ จ.สงขลา เร่งรัดการสืบสวนข้อเท็จจริงกรณีแม่ค้าออนไลน์ร้องถูกตำรวจชุดสืบสวนสงขลา อุ้มรีดเงิน 5 ล้าน กำชับให้เสร็จแบบเป็นธรรม ตอบสังคมได้
วันนี้ (7 ต.ค.) ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 จ.สงขลา พล.ต.อ.วิสนุ ปราสาททองโอสถ จเรตำรวจแห่งชาติ (จตช.) พร้อม พล.ต.ท.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ จเรตำรวจ (สบ 8) พล.ต.ต.ชูศักดิ์ พนัสอัมพร ผบก.กต.9 พ.ต.อ.โยธิน โตสง่า รอง ผบก.กต.9 ได้เรียกประชุม คณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง และผู้บังคับบัญชาของตำรวจภูธรภาค 9 และ ตำรวจภูธรจังหวัดสงขลาที่รับผิดชอบงานจเรตำรวจ เพื่อติดตามกรณี น.ส.กมลวรรณ ปิ่นทองพันธุ์ หรือ “ซ้อปลามาดามลูกเหนียง” ร้องเรียน พ.ต.ท.ขวัญชาติ จันทะ สว.สส.ภ.จว.สงขลา กับพวกรวม 7 นาย เข้าตรวจค้นบ้านและยึดเอาเงินสดจำนวน 10 ล้านบาท พร้อมทองรูปพรรณหนัก 60 บาท คุมตัวไปสอบสวนยังเซฟเฮาส์แห่งหนึ่งในเขต อ.เมือง จ.สงขลา และข่มขู่จนได้เงินไปจำนวน 5 ล้านบาท ก่อนที่จะปล่อยตัวไป เหตุเกิดเมื่อวันที่ 10 ก.ย.ที่ผ่านมา
โดยเมื่อมาถึง พล.ต.อ.วิสนุ ได้เรียกประชุมเฉพาะทีมงานของจเรตำรวจกว่า 10 นาย ที่ลงมาเก็บข้อมูลในพื้นที่ล่วงหน้าก่อนแล้วที่ห้องประชุมเล็กชั้นสอง โดยใช้เวลาประมาณ 30 นาที หลังจากนั้น จึงได้เรียกประชุมคณะผู้บังคับบัญชาของตำรวจภูธรภาค 9 และคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงเข้าร่วมประชุมกับทีมงานจเรตำรวจที่ห้องประขุมใหญ่เป็นเวลากว่า 1 ชั่วโมง
มีรายงานว่า บรรยากาศการประชุมเป็นไปอย่างเคร่งเครียด โดย พล.ต.อ.วิสนุ ได้สอบถามความคืบหน้าของการดำเนินการสืบสวนข้อเท็จจริง ที่ไม่ค่อยมีความคืบหน้า และได้กำชับให้สืบสวนอย่างตรงไปตรงมา ให้ความเป็นธรรมแก่ทั้งสองฝ่าย และให้เป็นไปด้วยความรวดเร็ว ตอบคำถามสังคมได้ในทุกประเด็น โดยให้เร่งดำเนินการให้มีความคืบหน้ามากกว่าที่เป็นอยู่ โดยให้ข้อแนะนำว่าต้องสืบสวนให้ได้ข้อเท็จจริงตั้งแต่การสืบสวนก่อนการขอหมายค้นจากศาล ต่อเนื่องไปถึงการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ในขณะเข้าตรวจค้น และการนำตัว “ซ้อปลา” กับพวกไปยังสถานที่ซึ่งมิใช่สถานที่ราชการ รวมทั้งให้พิสูจน์ข้อเท็จจริงเรื่องการเรียกรับเงินจำนวน 5 ล้าน ที่ยังไม่ได้ข้อยุติ โดยให้ใช้การสืบสวนเชิงลึกมากกว่าพยานบุคคลที่ปรากฏอยู่ในสำนวน และให้พิจารณาข้อกฎหมาย รวมถึงระเบียบที่เกี่ยวข้องให้ละเอียดรอบคอบ
โดยทีมงานจเรตำรวจได้รายงานว่า มีบุคคลที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ในลักษณะเป็นคนกลางช่วยเคลียร์กันระหว่างซ้อปลากับตำรวจ ซึ่งเป็นผู้กว้างขวางในพื้นที่ มีฉายาว่า “หนึ่งฟรีด้อม” โดยมีการระบุว่า “หนึ่งฟรีด้อม” ได้โทรศัพท์คุยกันกับนายตำรวจคนหนึ่ง และพูดสอบถามไปทางโทรศัพท์ว่า “ได้ไปห้าโลใช่มั้ย” ซึ่งคณะกรรมการสืบสวนของตำรวจภาค 9 ยอมรับว่า ยังไม่ได้มีการสืบสวนไปถึงบุคคลที่มีฉายาว่า “หนึ่งฟรีด้อม” เลย ทั้งนี้ ในที่ประชุมได้มีการแนะนำให้คณะกรรมการสืบสวนไปตรวจสอบกล้องวงจรปิด โดยให้ไล่ตรวจสอบตั้งแต่บริเวณหน้าเซฟเฮาส์ เพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริงว่าพฤติการณ์ภายหลังเกิดเหตุที่อ้างว่ามีการเรียกรับเงินไปจำนวน 5 ล้านบาทแล้วนั้น
พ.ต.ท.ขวัญชาติ และ “ซ้อปลา” เดินทางออกจากเซฟเฮาส์ไปที่ไหน อย่างไร รวมถึงให้ตรวจสอบการติดต่อระหว่างบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริงให้ได้และมีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ยืนยัน
ภายหลังการประชุม พล.ต.อ.วิสนุ กล่าวเพียงสั้นๆ ว่า ได้รับมอบหมายจาก พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร.ให้ลงมาติดตามการทำงานของคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง ในส่วนของการดำเนินการทางวินัย โดยได้ให้นโยบายไปว่าต้องดำเนินการด้วยความเป็นธรรม ถูกต้องแม่นยำ โปร่งใส ตรงไปตรงมา โดยให้ดำเนินการด้วยความรวดเร็ว ถ้าผิดก็ว่าไปตามผิด ถ้าไม่ผิดก็ต้องตอบสังคมได้ทั้งข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย ซึ่งทางจเรตำรวจก็จะตรวจสอบคู่ขนานกันไป และจะได้รายงานให้ พล.ต.อ.สุวัฒน์ ทราบต่อไป ส่วนคดีอาญาทั้งในส่วนของคดีที่ซ้อปลา ถูกแจ้งความดำเนินคดีเรื่องแชร์ลูกโซ่ คดีที่ พ.ต.ท.ขวัญชาติ แจ้งความหมิ่นประมาทและแจ้งความเท็จ รวมถึงคดีที่ พ.ต.ท.ขวัญชาติ ถูกแจ้งความดำเนินคดี ตนไม่ได้รับผิดชอบ ก็ให้เป็นเรื่องของพนักงานสอบสวน และ ป.ป.ช.