MGR Online - นครบาลเตือนม็อบทะลุฟ้า ทำกิจกรรมเดินคล้องแขน จากอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ไปถนนวิภาวดีรังสิต เสี่ยงติดโควิด ชี้ สัมผัสกันโดยตรง ตำรวจเน้นรักษาความสงบเรียบร้อย น.1 เผย อยู่ๆ ตำรวจเจอคนแล้วบึ้มใส่คงไม่ใช่ ถ้าเกิดเหตุรุนแรงจำเป็นต้องใช้กำลัง ยอมรับการปฏิบัติอาจกระทบประชาชน ยัน ตำรวจประกาศแจ้งเตือนตลอด ย้อนถามถ้าถูกยิงแล้วประกาศทันไหม รับมือชุมนุม “คาร์ปาร์ก” 15 ส.ค.
วันนี้ (13 ส.ค.) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น.กล่าวถึงกรณีการชุมนุมของกลุ่มหมู่บ้านทะลุฟ้า ในวันที่ 13 ส.ค. ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เวลา 15.00 น. แล้วเคลื่อนขบวนไปอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ว่า ตำรวจได้จัดกำลังเตรียมความพร้อม ถ้าพิจารณาแล้วไม่มีเหตุความรุนแรง ยืนยันการปฏิบัติของ บช.น.ยังคงเน้นการรักษาความสงบเรียบร้อย แต่ถ้ามีเหตุรุนแรงเกิดขึ้นตำรวจไม่มีทางเลี่ยง ก็ต้องใช้กำลังเข้าระงับเหตุ พยายามไม่ให้กระทบกับประชาชนที่ไม่เกี่ยวข้อง โดยยึดหลักภายในกรอบของกฎหมายที่อนุญาตให้ทำได้
ขอความร่วมมือประชาชนหลีกเลี่ยงเส้นทางบริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ต่อเนื่องสามเหลี่ยมดินแดง ถนนวิภาวดีรังสิต เนื่องจากการชุมนุมหลายครั้งที่ผ่านมาเกิดเหตุรุนแรง และชุมนุมไปจนถึงเวลา 21.00 น. นอกจากนี้ อยากเตือนคนที่มีแนวความคิดที่จะเข้าร่วมชุมนุม ว่า ขณะนี้มีประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ การชุมนุมถือว่ามีความผิด ตำรวจมีความจำเป็นต้องรวบรวมพยานหลักฐานดำเนินคดี อีกเรื่องหนึ่งที่น่าเป็นห่วงและขอเตือน เนื่องจากปรากฏหลักฐานชัดเจนว่า ผู้ร่วมชุมนุมบางรายติดเชื้อโควิด-19 อาจทำให้คนอื่นได้รับผลกระทบตรงนี้ด้วย
กรณีมีการปะทะกันระหว่างตำรวจและผู้ชุมนุม เนื่องจากบางครั้งทราบข่าวว่า ผู้ชุมนุมมีการสะสมอาวุธเตรียมก่อเหตุรุนแรง เช่นเดียวกับการชุมนุมครั้งล่าสุด ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เมื่อมีการรวมตัวของผู้ชุมนุมตำรวจก็ยังอยู่บริเวณที่ตั้ง จนกระทั่งผู้ชุมนุมได้ปิดถนนและวางเพลิงเผาทรัพย์ สร้างความเดือดร้อนให้แก่ผู้อื่น มีอาวุธจำนวนมากใช้ก่อเหตุรุนแรง แล้วเคลื่อนตัวไปสามเหลี่ยมดินแดง มีการเผาทำลายรถยนต์และป้อมจราจร ตำรวจจึงเข้าทำการระงับเหตุเพื่อคลี่คลายสถานการณ์ แล้วกลับเข้าที่ตั้งโดยหลักการทำงานเป็นเช่นนี้
“หลายคนมองว่าเมื่อทั้งสองฝ่ายเผชิญหน้ากัน แล้วบึ้มใส่กันเลยคงไม่ใช่ข้อเท็จจริง เพราะอยู่ๆ ตำรวจเจอหน้าคนแล้วไปบึ้มก็คงไม่ได้ ตำรวจเน้นการรักษาความสงบเรียบร้อย ถ้ามีความจำเป็นก็ต้องดำเนินการ ซึ่งทุกครั้งก็อยู่ในกรอบ ยืนยันว่า เป็นไปตามขั้นตอน ตามสถานการณ์ ตำรวจคงไม่มีเจตนาไปไล่ตีประชาชน หรือผู้ร่วมชุมนุม ส่วนกระแสข่าวว่า การชุมนุมที่ผ่านมา ตำรวจไม่ได้ประกาศแจ้งเตือน แล้วใช้กำลังกับผู้ชุมนุมเลยนั้น ตอนนี้มีประกาศ พ.ร.บ.ฉุกเฉินฯ และยืนยันว่า มีการประกาศโดยต่อเนื่อง สมมติว่า น้อง (ผู้สื่อข่าว) ถูกยิง ขอถามว่า จะประกาศแจ้งเตือนทันหรือไม่ ในเมื่อประกาศต่อเนื่องมาตั้งแต่ต้นแล้ว” น.1 กล่าว
พล.ต.ท.ภัคพงศ์ กล่าวต่อว่า ยอมรับว่า การปฏิบัติของตำรวจบางครั้ง อาจจะกระทบกับประชาชน แต่มีความจำเป็น วันนี้มีคนประกาศว่า จะชุมนุมที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ จากนั้นจะเคลื่อนตัวไปถนนวิภาวดีรังสิต อันนี้คือคำประกาศของผู้ชุมนุม เมื่อถึงเวลาอาจจะไม่ได้ไปถนนวิภาวดีรังสิตก็ได้ เพราะว่าตนไม่ใช่ม็อบ ก็เลยไม่รู้ว่าจะทำอะไรบ้าง เพียงแต่บอกว่าที่ผ่านมาเมื่อชุมนุมแล้ว หลายครั้ง หลายหน มีความรุนแรงเกิดขึ้น การชุมนุมต่อเนื่องยาวนาน และมีผู้ได้รับผลกระทบ อยากบอกประชาชนว่าถ้าไม่มีความจำเป็นจริงๆ ขอให้หลีกเลี่ยงเส้นทาง เพราะอาจได้รับผลกระทบจากการชุมนุม
สำหรับกรณีที่ยังปรากฏข่าวว่า ตำรวจยัดประทัดยักษ์ใส่มือผู้ชุมนุมจนระเบิดคามือนั้น เรื่องความเชื่อกับดุลพินิจเป็นเรื่องส่วนตัว ปัจจุบันข้อมูลต่างๆ ในโซเชียลสามารถตรวจสอบได้ ก่อนที่ตัวเราจะตัดสินใจอะไร ควรตรวจสอบข้อมูลให้ครบถ้วน เพราะหากไม่ครบถ้วนแล้วหลงเชื่อ การเผยแพร่ข้อมูลถ้าเข้าข่ายความผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ตำรวจก็ต้องดำเนินการตามกฎหมาย ในขณะนี้บ้านเมืองต้องการความรัก ความสามัคคี การเผยแพร่ข้อมูลไปแล้วส่งผลในทางลบ บ้านเมืองวุ่นวาย ตนก็ไม่เห็นประโยชน์ว่าจะแก้ไขปัญหาบ้านเมืองอย่างไร ขอความร่วมมือจากประชาชนในส่วนนี้ด้วย
พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รอง ผบช.น.ในฐานะโฆษก บช.น.กล่าวว่า ยืนยันว่า บช.น.ปฏิบัติตามขั้นตอน ตามกฎเกณฑ์ หลักนิติธรรม และนิติรัฐมาโดยตลอด ทุกครั้ง บช.น.จะแถลงข่าวเตือนอย่างเป็นทางการ ให้ผู้ชุมนุมและประชาชนทั้งประเทศได้รับทราบ กรณีการชุมนุมที่สามเหลี่ยมดินแดง ปรากฏภาพชัดเจนว่า ตำรวจควบคุมฝูงชน (คฝ.) เข้ารักษาพื้นที่ไว้เรียบร้อยแล้ว เมื่อผู้ชุมนุมล่าถอยไป ผบช.น.ได้สั่งการให้ คฝ.กลับเข้าสู่ที่ตั้ง แต่ผู้ชุมนุมยังก่อความไม่สงบ มีการขว้างปาสิ่งของใส่ตำรวจ รื้อรั้วลวดหนาม เพื่อบุกเข้าไปถนนวิภาวดีรังสิต ทุบทำลายและเผารถยกตำรวจ ทุบทำลายตู้จราจรจนได้รับความเสียหาย ตำรวจมีความจำเป็นต้องระงับยับยั้ง และป้องกันเหตุร้ายไม่ให้ลุกลามบานปลาย
สำหรับการชุมนุมในวันนี้ของกลุ่มหมู่บ้านทะลุฟ้า ในลักษณะเดินคล้องแขนไปตามถนนต่างๆ จากอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ไปถนนวิภาวดีรังสิต เตือนว่า กรุงเทพฯเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด การกระทำดังกล่าวมีลักษณะสัมผัสกันโดยตรง แม้ว่าจะสวมหน้ากากอนามัยแล้วก็ตาม มีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของเชื้อโรค อาจเป็นความผิดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ พ.ร.บ.โรคติดต่อ และความผิดอื่นๆ มีผู้ชุมนุมจำนวนหลายรายถูกจับและควบคุมตัว หรือผ่านการรักษาตัวใน รพ.ต่างๆ ตรวจแล้วพบว่าเป็นผู้ติดเชื้อโควิด-19
ทั้งนี้ บช.น.ได้ดำเนินคดีกับผู้ชุมนุมแล้ว 304 คดี สอบสวนเสร็จสิ้นแล้ว 199 คดี และอยู่ระหว่างสอบสวน 105 คดี ส่วนกรณีมีการเผารถควบคุมผู้ต้องหา ในเหตุการชุมนุมเมื่อวันที่ 7 ส.ค.ที่ผ่านมา ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ตำรวจได้จับกุมผู้ต้องหา 2 ราย ในวันนี้จะนำตัวไปฝากขังต่อศาล บช.น.ยืนยันว่า จะทำการสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดที่เหลือต่อไป
พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร.กล่าวว่า กรณีมีการนัดหมายทำกิจกรรม “คาร์ปาร์ก” ในวันที่ 15 ส.ค.นี้ เบื้องต้นทราบว่า จะมีการจัดกิจกรรมหลายจังหวัดคู่ขนานกันไป ฝากเตือนว่านอกจากเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายแล้ว ยังสุ่มเสี่ยงกับการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ส่วนในพื้นที่กรุงเทพฯคงมีการจัดกิจกรรม ที่หลากหลายคล้ายกับต่างจังหวัด ตำรวจเตรียมได้ความพร้อมในการรักษาความสงบเรียบร้อย ถ้ามีการกระทำที่ฝ่าฝืนกฎหมายจะถูกดำเนินคดีภายหลัง และเข้าระงับเหตุหากสถานการณ์รุนแรง