ตร.สำราญราษฎร์ ฝากขัง 6 ผู้ต้องหา กลุ่มวีโว่ ฐานเป็นอั้งยี่-ซ่องโจร เหตุประท้วงก่อความวุ่นวาย ม็อบ 7 สิงหา ศาลพิจารณาแล้วอนุญาตให้ฝากขังได้
วันนี้ (9 ส.ค.) ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก พนักงานสอบสวน สน.สำราญราษฎร์ ยื่นคำร้องฝากขังครั้งแรก ผู้ต้องหาคดีชุมนุมการเมืองผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ประกอบด้วย นายโสภา ศิริ อายุ 44 ปี, นายจิรพงศ์ ชโลธรพิเศษ อายุ 23 ปี, นายทนง ชำนาญจันทร์ อายุ 19 ปี, นายณัฐพงษ์ มะลิซ้อน อายุ 22 ปี, น.ส.ภัชราภรณ์ กองค้า อายุ 22 ปี, น.ส.กัลยกร จันทร์โม้อายุ 21 ปี ผู้ต้องหาที่ 1-6 ซึ่งเป็นกลุ่มวีโว่ #ม๊อบ 7 สิงหา ในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนผู้ต้องหาที่ 1-6 ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา
คำ้องระบุพฤติการณ์สรุปว่า ก่อนเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับข้อมูลจากการสืบสวนหาข่าวของตำรวจสันติบาล ว่า จะมีกลุ่มราษฎร 63 กลุ่มชักชวนให้ประชาชนร่วมกิจกรรมชื่อ #ม็อบ 7 สิงหา โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อจำกัดอำนาจสถาบันกษัตริย์, ปลดแอกประชาธิปไตยขับไล่ทหารออกจากเมือง, ลดความเหลื่อมล้ำของรัฐและสวัสดิการถ้วนหน้า โดยนัดกันในวันที่ 7 ส.ค. เวลา 13.00 น. โดยมีจุดตั้งต้นที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถนนราชดำเนินกลาง และจะเคลื่อนขบวนไปยังบริเวณพระบรมมหาราชวัง เพื่อยื่นหนังสือต่อสำนักพระราชวัง เพื่อขอวัคซีนให้ประชาชน ต่อมาได้ข้อมูลการสืบสวนว่าจะมีกลุ่มคณะบุคคลที่เรียกตัวเองว่ากลุ่มวีโว่ (WEVO) ซึ่งมี นายปิยรัฐ จงเทพ เป็นหัวหน้าของกลุ่มดังกล่าว มีพฤติการณ์ชุมนุมมั่วสุมกันโดยปกปิดวิธีการดำเนินการเพื่อการอันมิชอบด้วยกฎหมาย กล่าวคือ มีการซ่อมสุม ฝึกกำลังพล และแฝงตัวมาในกลุ่มผู้ชุมนุม และใช้โอกาสทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ และสร้างสถานการณ์โดยใช้อาวุธจำพวกหนังสติ๊ก ลูกเหล็ก ระเบิดควัน สิ่งของสกปรกเช่นน้ำปลาร้า และวัตถุอื่น ซึ่งอาจใช้เป็นอาวุธได้มาก่อเหตุสร้างความวุ่นวายให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ดูแลรักษาความปลอดภัย อีกครั้งกลุ่มบุคคลดังกล่าวยังมีการสมคบกันตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดเกี่ยวกับการสร้างสถานการณ์ในการชุมนุม ร่วมกันทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ตำรวจและสร้างความวุ่นวายให้เกิดขึ้นในบ้านเมือง โดยพบว่ากลุ่มบุคคลดังกล่าวได้นัดรวมตัวในวันเวลาเดียวกัน และมีการวางแผนกำหนดแนวปะทะเจ้าหน้าที่ตำรวจบริเวณหน้าศาลฎีกา โดยแบ่งกำลังออกเป็น 2 ชุด คือ ชุดตัดลวดเป็นด่านหน้าเข้ารื้อสิ่งกีดขวางและชุดดึงดันเข้าปฏิบัติการเปิดทางให้มวลชนเข้าไปในพื้นที่มีการใช้อาวุธตอบโต้เจ้าหน้าที่ประกอบด้วย หนังสติ๊กแบบเลเซอร์โดยใช้หัวนอต ลูกแก้ว เป็นอาวุธ มีการสร้างสถานการณ์โดยใช้พลุตะไล (ทำจากท่อพีวีซี) ระเบิดปิงปอง รวมถึงอาวุธปืนและมีการใช้รถยนต์ตู้ที่ใช้ขนอุปกรณ์การป้องกันตัวและอุปกรณ์การตอบโต้เจ้าหน้าที่ เช่น ระเบิดควันพลุ เสื้อเกราะอ่อน ไปยังจุดชุมนุม ส่วนในเรื่องการแต่งกายไม่ต้องติดสัญลักษณ์ WEVO โดยจะมีสัญลักษณ์พิเศษแจกที่หน้างาน รองเท้าผ้าใบ, อุปกรณ์เซฟตี้, ถุงมือหนังพร้อมกับอุปกรณ์ครบชุด (หน้ากากกันแก๊ส, วิทยุ, ไฟฉาย, เสื้อเวสบรรจุแผ่นเกราะ)
ต่อมาเมื่อวันที่ 7 ส.ค.ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 11.00 น. ตำรวจชุดจับกุมได้พบรถตู้สีขาวต้องสงสัย ทะเบียน บฉ 2068 สมุทรสาคร จึงเข้าไปตรวจสอบ และพบว่า นายโสภา ผู้ต้องหาที่ 1 เป็นผู้ครอบครองรถ ซึ่งมีสติกเกอร์สัญลักษณ์ของกลุ่ม Vivo ติดอยู่ จึงแสดงตัวเพื่อขอตรวจค้นและพบของกลาง 11 รายการ ที่ท้ายรถตู้ คือ เข็มขัดสนาม, ปลอกแขนเกาะแบบผ้า, กระเป๋าเป้สีดำ, หนังสติ๊ก 1 อัน, หัวนอตตัวเมีย จำนวน 11 ตัว, ลูกแก้ว 8 ลูก, ลูกดิน, พลุควันสีแบบดึงสลักจำนวนห้าอัน, วิทยุสื่อสารสองเครื่อง, กระบองเหล็กยืดหดได้ (ดิ้ว)
ต่อมามี นายจิรพงษ์ ผู้ต้องหาที่ 2 และ นายทนง ผู้ต้องหาที่ 3 เดินมาแสดงตัวกับตำรวจว่า เป็นบุคคลในกลุ่ม Vivo โดยทั้ง 2 คน ได้พกวิทยุสื่อสารด้วย จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ตรวจสอบรถยนต์โตโยต้า วิช ทะเบียน ชผ 3408 กรุงเทพมหานคร ที่จอดอยู่บริเวณใกล้เคียง และพบ น.ส.กัลยกร ผู้ต้องหาที่ 6 ซึ่งเป็นผู้ครอบครองรถยนต์ดังกล่าว นั่งอยู่ในที่นั่งคนขับ และพบนายณัฐพงษ์ ผู้ต้องหาที่ 4 นั่งอยู่เบาะด้านข้าง โดยมี น.ส.ภัชราภรณ์ ผู้ต้องหาที่ 5 นั่งอยู่ที่เบาะด้านหลัง เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวเพื่อตรวจค้น และพบของกลางอีก 5 รายการ ประกอบด้วย หน้ากากป้องกันแก๊ส, เข็มขัดสนาม, วิทยุสื่อสาร 3 เครื่อง ซึ่งอยู่บริเวณเบาะหลัง จากนั้นจึงได้ทำการจับกุม
โดยแจ้งข้อกล่าวหาผู้ต้องหาที่ 1-6 ดังนี้
นายโสภา ผู้ต้องหาที่ 1 กระทำความผิดอั้งยี่, ซ่องโจร, มีเครื่องวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานผู้ออกใบอนุญาตและพกพาอาวุธ (กระบองเหล็กยืดหดได้) ไปในเมืองหรือหมู่บ้านโดยไม่มีเหตุอันสมควร เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 209 วรรคแรก, 210 วรรคแรก, 371, พระราชบัญญัติวิทยุคมนาคม พ.ศ. 2498 มาตรา 6, 23
แจ้งข้อกล่าวหา นายจิรพงศ์ ผู้ต้องหาที่ 2 นายทนง ผู้ต้องหาที่ 3 น.ส.กัลยกร ผู้ต้องหาที่ 6 ว่ากระทำความผิดฐานอั้งยี่, ซ่องโจร เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 209 วรรคแรก, 210 วรรคแรก
แจ้งข้อกล่าวหา นายณัฐพงษ์ ผู้ต้องหาที่ 4, น.ส.ภัชราภรณ์ ผู้ต้องหาที่ 5 กระทำผิดฐานอั้งยี่, ซ่องโจร, มีเครื่องวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 209 วรรคแรก, 210 วรรคแรก, พระราชบัญญัติวิทยุคมนาคม พ.ศ.2498 มาตรา 6, 23
ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนได้สอบปากคำผู้ต้องจะครบ 48 ชั่วโมงแล้ว แต่ยังไม่เสร็จสิ้น จะต้องสอบพยานเพิ่มอีก 6 ปาก รอผลการตรวจลายพิมพ์นิ้วมือและประวัติการต้องโทษของผู้ต้องหาทั้งหมดมาประกอบสำนวนการสอบสวน จึงขออำนาจศาลฝากขังครั้งแรก เป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่ 9-20 ส.ค. 2564
เหตุเกิดที่ ลานจอดรถของวัดมหรรณพารามวรวิหาร ถนนตะนาว แขวงเสาชิงช้า เขตพระนคร กทม.
ศาลได้พิจารณาคำร้องและสอบถามผู้ต้องหาไม่คัดค้านจึงอนุญาตให้ฝากขังได้
ต่อมาผู้ต้องหายื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวชั้นฝากขัง โดยมีกลุ่ม ส.ส.พรรคก้าวไกล ใช้ตำแหน่ง ส.ส.เป็นหลักทรัพย์ในการขอปล่อยชั่วคราวแล้ว
ล่าสุดศาลอาญา มีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาทั้ง 6 คน โดยตีราคาประกันคนละ 35,000 บาท พร้อมกำหนดเงื่อนไขห้ามผู้ต้องหากระทำการใด ๆ ในลักษณะเดียวกับที่ถูกกล่าวหา ห้ามยุยง ปลุกปั่น เข้าร่วมหรือกระทำการใดที่มีลักษณะก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง หรือก่อเหตุอันตรายประการอื่นอีก