“ดีเอสไอ” ขยายผลรวบก๊วนยานรกร่วมฟอกเงิน พบเส้นทางการเงินสะพัดผิดปกติ

MGR Online - ชุดพาลีปรายยา ตามจับเครือข่ายยาเสพติด ฐานร่วมสมคบกันฟอกเงิน 5 ราย เจอพิรุธเงินหมุนเวียนในบัญชีผิดปกติ เตรียมขยายผลเพิ่มเติม

จากกรณีปฏิบัติการพาลีปราบยา ยึดทรัพย์เครือข่ายยาเสพติด เครือข่าย น.ส.ดอกไม้ (นามสมมติ) ซึ่งเดือน ส.ค. 63 เจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจค้นเป้าหมาย 5 จุด พร้อมยึดอายัดทรัพย์สินหลายรวมมูลค่ากว่า 500 ล้านบาท ก่อนจะขยายผลเส้นทางการเงินพบว่า มีนาย ด. (นามสมมติ) และนาย น. ร่วมกันสมคบกันกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดและสมคบกันฟอกเงิน โดยพบผู้เกี่ยวข้องกับเครือข่ายนี้อีก 5 ราย เจ้าหน้าที่จึงขอศาลออกหมายจับผู้ต้องหาทั้งสิ้น 7 ราย นั้น

ล่าสุด วันนี้ (17 ก.ค.) พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 15 ก.ค. 64 ที่ผ่านมา ได้มอบหมายให้ นายวรพจน์ ไม้หอม รองผู้อำนวยการกองปฏิบัติการคดีพิเศษภาค พร้อมคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ดำเนินการจับกุมผู้ต้องหา 5 ราย ในความผิดฐานสมคบและร่วมกันฟอกเงิน ตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 และสนับสนุน หรือช่วยเหลือผู้กระทำความผิดฐานสมคบกันกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และร่วมกันหรือสมคบกันฟอกเงิน อันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ. 2542

พ.ต.ท.กรวัชร์ เผยว่า เจ้าหน้าที่นำตัวผู้ต้องหาและทนายความ รวม 7 ราย ตรวจคัดกรองหาเชื้อโควิด-19 และสารเสพติดจากเส้นผมและปัสสาวะ ซึ่งผลปรากฏไม่พบเชื้อแต่อย่างใด ก่อนพนักงานสอบสวนจะดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหาพร้อมสอบคำให้การผู้ต้องหา โดยแยกห้องสอบสวนผู้ต้องหาคนละ 1 ห้อง ตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ซึ่งในขั้นตอนการพิมพ์ลายนิ้วมือผู้ต้องหาได้จัดให้เจ้าหน้าที่สวมชุดป้องกันการแพร่ระบาด (PPE) เพื่อความปลอดภัยในการปฏิบัติงาน จากนั้นพนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้ขอฝากขังผู้ต้องหาทั้งหมดต่อศาล ซึ่งศาลอนุญาตให้ประกันตัวผู้ต้องหาจำนวน 3 ราย คือ รายที่ 2 ที่ 4 ที่ 5 และไม่อนุญาตให้ประกัน 2 รายเนื่องจากมียอดเงินเข้าบัญชีจำนวนผิดวิสัยของบุคคลทั่วไป เกรงว่าจะหลบหนีหรือไม่ยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน จึงนำตัวส่งเรือนจำพิเศษกรุงเทพทันที

“นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้กำชับให้ ดีเอสไอ ขยายผลเส้นทางการเงินเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติด นายทุน และผู้บงการอยู่เบื้องหลังทั้งหมด เพื่อตัดวงจรการเงินด้วยการยึดทรัพย์ตามนโยบายของรัฐบาล โดยหลังจากนี้พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ จะดำเนินการสอบสวนหาพยานหลักฐาน เพื่อดำเนินคดีกับเครือข่ายนี้ต่อไป” พ.ต.ท.กรวัชร์ กล่าว