รอง ผบ.ตร.แถลงผลตำรวจ ปส.จับกุมเครือข่ายค้ายาเสพติด ผู้ต้องหา 11 คน ยึดของกลางยาบ้า 4.2 ล้านเม็ด ไอซ์อีก 516 กก.
วันนี้ (15 มิ.ย.) ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) พล.ต.อ.มนู เมฆหมอก รองผบ.ตร. พร้อมด้วยพล.ต.ท.มนตรี ยิ้มแย้ม ผบช.ปส. และผู้เกี่ยวข้อง ร่วมแถลงการจับกุมขบวนการค้ายาเสพติดรายสำคัญ 3 คดี สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 11 คน พร้อมของกลาง ไอซ์ 516 กิโลกรัม ยาบ้า 4,200,000 เม็ด
คดีแรก เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 4 คน ประกอบด้วย นายพีรพัฒน์ พิรักษา หรือ ติมอร์ อายุ 23 ปี นายสามารถ คุ้มสมุทร หรือ แก๊ป อายุ 23 ปี นายพุฒิพงศ์ พวงสมบัติ หรือปอนด์ อายุ 25 ปี และนายศุภฤกษ์ แรงกสิวิทย์ หรือแครอท อายุ 23 ปี โดยจับกุมได้ที่ พิสมัยรีสอร์ท ต.จุมจัง อ.กุฉินารายณ์ จ.กาพสินธุ์ เมื่อวันที่ 10 มิ.ย. 64 ภายหลังสืบสวนขยายผลและวิเคราะห์ข้อมูลจากการจับกุมเครือข่ายยาเสพติดรายสำคัญในช่วงที่ผ่านมารวม 7 คดี สามารถตรวจยึดยาบ้ารวม จำนวนประมาณ 20 ล้านเม็ด และตรวจยึดไอซ์ รวมจำนวนประมาณ 2 พันกิโลกรัม และยาเสพติดอื่น ๆ อีกจำนวนมาก
นอกจากนี้ข้อมูลพบว่ายังมีเครือข่ายยาเสพติดที่พยายามลักลอบลำเลียงจากพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ แล้วนำไปซุกซ่อนอำพรางในสินค้าต่าง ๆ เพื่อลักลอบส่งออกไปยังต่างประเทศ จึงได้ประสานการปฏิบัติกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมบูรณาการออกสืบสวนติดตาม จนพบกลุ่มผู้ต้องหา ได้ใช้รถยนต์ขับขี่ตามกันเข้าไปในพื้นที่ริมแม่น้ำโขง อ.ธาตุพนม จ.นครพนม แล้วขับขี่กลับออกมามุ่งหน้าเข้าสู่พื้นที่ตอนในและเข้าพักที่ พิศมัยรีสอร์ท จึงเข้าตรวจค้นจับกุมผู้ต้องหา พร้อมตรวจยึดของกลาง ไอซ์ น้ำหนักประมาณ 516 กก. อาวุธปืน ขนาด .38 จำนวน 1 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุน จำนวน 12 นัด เจ้าหน้าที่จึงดำเนินคดีในข้อหา ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษ ประเภท 1 (ไอซ์หรือเมทแอมเฟตามีน) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้อนุญาต และร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยหลังจากนี้จะทำการสืบสวนขยายผลยึดทรัพย์ เพื่อทำลายเครือข่ายยาเสพติดดังกล่าวต่อไป
นอกจากนี้ยังสามารถจับกุมคดียาเสพติด ประเภทยาบ้า ได้อีก 2 คดี รวมผู้ต้องหา 7 คน ประกอบด้วย ผู้ต้องหาคดียาเสพติดรายสำคัญ 4 คน ที่มีพฤติการณ์ร่วมกันลักลอบลำเลียงยาเสพติด จากทางพื้นที่ภาคเหนือมาส่งมอบให้กับลูกค้าในภาคใต้โดยใช้เส้นทางถ.พหลโยธิน จ.เชียงราย มุ่งหน้าไปจ.แพร่ และใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 11 มุ่งหน้าจาก จ.แพร่ ไปยังภาคกลาง กระทั่งสามารถจับกุมผู้ต้องหาที่ 1 และ 2 ได้ที่บริเวณด่านตรวจพยุหะคีรี จ.นครสวรรค์ พร้อมยาบ้า 200,000 เม็ด และจับกุมผู้ต้องหาที่ 3 ได้ที่ รร.มิรารีสอร์ท จ.พัทลุง ก่อนจับกุมผู้ต้องหาที่ 4 ได้บริเวณถ.เพชรเกษม จ.พัทลุงพร้อมยึดของกลางทั้งหมดส่งดำเนินคดีตามกฎหมายเพื่อขยายผลออกหมายจับผู้เกี่ยวข้องในเครือข่ายพร้อมขยายผลเตรียมอายัดทรัพย์
ส่วนอีกคดี ตำรวจร่วมกันจับ 3 ผู้ต้องหาคดียาเสพติดรายสำคัญ พร้อมของกลางยาบ้า 4 ล้านเม็ด สืบเนื่องจากชุดจับกุมได้รับแจ้งจากสายลับว่ามีผู้ต้องหามีพฤติการณ์ลักลอบยาเสพติดจากภาคเหนือนำไปจำหน่ายให้ลูกค้าในพื้นที่ภาคกลางและปริมณฑล จึงทำการตรวจสอบและสามารถจับกุม ผู้ต้องหาที่ 1 และ 2 ได้ในปั้มน้ำมันเอสโซ่ จ.แพร่ พร้อมของกลาง และ จับผู้ต้องหาที่ 3 ได้ที่ ลานจอดรถตลาดไท อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี จึงตรวจยึดของกลางพร้อมขยายผลดำเนินคดีและยึดทรัพย์ต่อไป
ทั้งนี้ จากการสอบปากคำผู้ต้องหาคดีนี้ ยอมรับว่า นำยาบ้าจำนวน 4 ล้านเม็ด มาจากพื้นที่ภาคเหนือ เพื่อจะนำไปส่งที่ อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ก่อนที่จะมีกลุ่มคนมารับของไปอีกทอดหนึ่งแต่ไม่ทราบว่ากลุ่มบุคคลดังกล่าวเป็นใคร ส่วนสาเหตุที่ทำเนื่องจากสถานการณ์เศรษฐกิจปัจจุบัน ทำให้ตนเองได้รับความลำบาก จึงตัดสินใจมาส่งยาเสพติดดังกล่าว
นอกจากนี้พล.ต.อ.มนู ยังกล่าวถึงกรณีผลการสอบสวนผู้ต้องหาขบวนการลักลอบขนไอซ์กว่า 500 กิโลกรัม ว่า เบื้องต้นผู้ต้องหาในเครือข่ายนี้ รวมถึง ผู้บงการ มีความเชื่อมโยงกับเครือข่ายค้ายาข้ามชาติ และส่งไปต่างประเทศก่อนถูกจับกุมได้ในต่างประเทศ ทั้ง ฮ่องกง ออสเตรเลีย และนิวซีแลน ขอให้อดใจรอจะมีข่าวดีในเร็วๆนี้ เพราะตำรวจได้ข้อมูลบางส่วนแล้ว ยืนยันว่าไม่นานเกินรอแน่นอน
ด้านพล.ต.ท.มนตรี เปิดเผยกรณีที่ ยูเอ็นให้ข้อมูลว่า ไอซ์ มีการระบาดอย่างหนักในช่วงโควิด-19 โดยพบว่าต้นทางมาจาก 5 ประเทศในเอเชียและมีไทยรวมอยู่ด้วย ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ยืนยันว่าที่ผ่านมา ปส.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ได้นิ่งนอนใจ พยายามสกัดกั้นปราบปรามจับกุมผู้กระทำผิด รวมถึงอายัดทรัพย์สินของขบวนการค้ายาเสพติดอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2563 ถึงแม้จะมีการระบาดของโควิด-19 ซึ่งเป็นช่วงที่ทุกคนอยู่ในภาวะหวาดกลัวการติดเชื้อ แต่ตำรวจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ทำการสืบสวนจนจับกุมขบวนการค้ายาข้ามชาติได้มากกว่า 200 คดี แต่ยอมรับว่ามีบางส่วนที่เล็ดลอดออกไปซึ่งถือว่าเป็นส่วนน้อยมากหากเทียบกับการจับกุม พร้อมยืนยันขณะนี้ตำรวจทราบข้อมูลเกี่ยวกับคนสั่งการค้ายาข้ามชาติ ซึ่งพบมีความเชื่อมโยงถึงกันหลายเครือข่าย โดยมีหลักฐานชี้ชัด คือ เส้นทางการเงิน หน่วยงานด้านความมั่นคง ปส. และ ป.ป.ส. ซึ่งจะเตรียมดำเนินการในเร็วๆนี้