(Police Focus)
เป็นอีกคดีที่น่าสนใจกรณี บก.ป.บุกจับกุมชายวัย 25 ปี ได้บนถนนสาย 359 บริเวณแยกกรอกสมบูรณ์ ต.กรอกสมบูรณ์ อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี ขณะขับรถปิกอัพรับจ้างลักลอบขน “ลิงแสม” จำนวน 102 ตัว จากต้นทาง จ.พิจิตร ไปยัง จ.สระแก้ว แล้วรอข้ามพรมแดนเข้าประเทศกัมพูชา เพื่อไปเป็นเมนูเปิบ “สมองลิง” เสิร์ฟให้หมู่คนจีนที่นิยมความพิสดาร อย่างไรก็ตาม เกิดเหตุสลดเมื่อมีลิง 14 ตัว เสียชีวิตจากการขนส่งที่ทารุณ แต่ยังเป็นความโชคดีของอีก 88 ชีวิตที่รอดมา
พล.ต.ต.พิทักษ์ อุทัยธรรม ผบก.ปทส.กล่าวว่า โดยส่วนใหญ่จะเป็นคดีเกี่ยวกับช้าง แรด ลิ่น และเสือ ในปัจจุบันมีสัตว์ชนิดอื่น ถูกเพิ่มเข้ามาในขบวนการลักลอบค้าสัตว์ป่านั่นคือลิงแสม เราทราบเบาะแสตั้งแต่ปลายปี 2563 มีองค์กรระหว่างประเทศขอความร่วมมือให้ ปทส.ไปช่วยสืบสวนขบวนการดังกล่าว เป็นภารกิจหลักในการดูแลเรื่องค้าสัตว์ป่า สัตว์สงวน และสัตว์คุ้มครองตามกฎหมายอยู่แล้ว ขณะนี้คดีอยู่ในมือของโรงพักท้องที่
เพื่อให้การสืบสวนขยายผลสาวลึกไปถึงขบวนการ จึงขอโอนคดีจาก สภ.ศรีมหาโพธิ มายัง ปทส.เมื่อถึงวันที่ ตร.อนุมัติและสั่งการเราจะไปรับสำนวน ผู้ต้องหา และของกลางมาดำเนินการต่อทันที ก็จะรู้ว่านายทุนผู้อยู่เบื้องหลังทั้งหมดคือใคร แท้จริงแล้วลิงมาจากไหน ข้ามพรมแดนช่องทางไหน ปลายทางคือประเทศอะไร พวกเขานำลิงเหล่านี้ไปทำอะไรกันแน่ ทราบว่าถ้าข้ามไปแล้วมูลค่าเพิ่มขึ้นจากตัวละ 2,000 บาท เชื่อว่าทำมาไม่ต่ำกว่า 3 ครั้ง โดยมีการทำหน้าที่กันหลายอย่าง
ขบวนการค้าลิงแสมนับว่าเป็นคดีใหม่ของ ปทส.ทางตำรวจท้องที่อาจมีจับบ้างประปราย แต่จำนวนของกลางไม่มากเท่าคดีนี้ เป็นไปได้ว่าลิงเป็นที่ต้องการของต่างชาติเวลานี้ ฉะนั้นแต่ละเวลาแต่ละสถานการณ์ ความต้องการค้าสัตว์เปลี่ยนแปลงไป ตราบใดที่ยังมีความต้องการ หรือมีความโลภจะมีการกระทำผิดอย่างต่อเนื่อง ด้วยสถานการณ์โควิด-19 ความต้องการซื้อจากต่างประเทศลดน้อยลง การขนส่งยากลำบากขึ้น เรื่องกระทำผิดเกี่ยวกับสัตว์ป่าจึงลดตาม
“ขณะนี้ผมส่งทีมสืบสวนลงควบคู่ไปแล้ว รอคำสั่งจาก ตร.อีกที พร้อมส่งทีมกอง 4 ปทส.ลงพิสูจน์ว่าที่ จ.พิจิตร ยังมีการขนลิงหลงเหลืออยู่ไหม ยืนยันว่ามีการออกหมายจับผู้ร่วมขบวนการเพิ่มเติม ที่ต้องทำแบบนี้เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง แสดงให้เห็นว่าเราบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง ไม่ใช่ว่าค้าสัตว์ป่าแล้วจะลอยนวลไปได้ นอกจากเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายแล้ว ที่สำคัญ มันยังผิดมนุษยธรรม เราต้องทำให้สังคมตระหนักรู้ว่า ชีวิตของสัตว์ก็มีค่าเหมือนกัน”ผู้การ ปทส.วัย 47 ปี กล่าว
สำหรับเส้นทางรับราชการ พล.ต.ต.พิทักษ์ หรือ “ผู้การโต้ง”ชาว จ.เพชรบุรี จบ นรต.รุ่น 48 เคยเป็น ผกก.ฝอ.1 บก.อก.ศชต. ผกก.สภ.แม่ลาน จ.ปัตตานี รอง ผบก.อก.ศชต. รอง ผบก.สส.ศชต. รอง ผบก.สส.จตช. รอง ผบก.ป. ผบก.ประจำ บช.ก. ผบก.อก.บช.ก.และ ผบก.บก.ปทส.โดยมองว่าตำรวจเป็นอาชีพที่ได้ทำบุญไปในตัว และเมื่อมีโอกาสได้ทำหน้าที่ใน บก.ปทส.แล้ว ไม่ได้ทำบุญเฉพาะเรื่องคนแต่ยังรวมไปถึงสัตว์อีกด้วย
อรัญ 1กล่าวด้วยว่า ภารกิจของตำรวจ ปทส.คือ “พิทักษ์ผืนป่า”การดูแลทรัพยากรของแผ่นดิน, “รักษาสิ่งแวดล้อม” การช่วยให้ชีวิตความเป็นอยู่ของคนดีขึ้น, “ถนอมชีวิตสัตว์” การทำให้สัตว์ป่าได้รับความคุ้มครอง และมีสิทธิในการมีชีวิตอยู่ เรื่องป่าไม้ สิ่งแวดล้อม และสัตว์ป่านั้น เป็นวาระที่หลายหน่วยงานให้ความสำคัญ ปทส.เหมือนเป็นหน่วยบังคับใช้กฎหมายของ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือเข้าใจง่ายๆ เป็นหน่วยจับกุมทั้งของกรมป่าไม้ และกรมอุทยานฯ
ที่ผ่านมา เราจับกุมขบวนการค้ารายสำคัญ อาทิ สัตว์ป่า ซากสัตว์ งาช้าง นอแรด เขา หนัง ไม้สัก ไม้พะยูง ฯลฯ ลำพังเฉพาะ ปทส.หน่วยเดียวไม่สามารถทำได้ ต้องได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานในประเทศ และองค์กรระหว่างประเทศในการบูรณาการ เพราะมีความเชื่อมโยงกันในระดับข้ามชาติ ตนมองด้วยว่านี่คือความ ยากของการทำงาน แม้คดีเล็กๆ ที่เกี่ยวพันกับ ปทส.ตนก็ให้ความสนใจเพราะนั่นหมายถึงชีวิตสัตว์ ถ้าเราบังคับใช้กฎหมายได้อย่างเข้มงวด การกระทำผิดก็ลดลงเช่นกันตนเชื่อแบบนั้น
ถ้าพูดถึงความสำเร็จนอกจากคดีจะต้องลดลง อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญคุณภาพชีวิตคน และสัตว์ต้องดีขึ้นด้วย ตนพยายามสร้างหน่วยงานให้มีอัตลักษณ์ โดยทำในสิ่งที่เป็นหน้าที่ของเราตามกฎหมาย ทำในสิ่งที่ถูกต้อง ทุกคนช่วยกันทำงาน มีความสามัคคี ไม่ไปก้าวก่ายใครการทำงานก็จะไม่มีปัญหา สิ่งไหนเป็นหน้าที่แล้วช่วยสนับสนุนท้องที่ได้ก็ต้องไปทำ ทั้งนี้ ตนประทับใจที่มีโอกาสได้ช่วยเหลือดูแลประชาชน สัตว์ และทรัพยากร เราสามารถทำความดีได้ทุกวัน...ตราบใดที่ยังสวมเครื่องแบบตำรวจ
