“ข่าวลึกปมลับ” ออกอากาศทาง NEWS1 ล้วงปมลึก คลายปมลับ ตีแผ่ประเด็นร้อน กับ นพรัฐ พรวนสุข บก.ข่าวการเมือง และกระบวนการยุติธรรม วันพุธที่ 2 มิถุนายน 2564 ตอน "หมอบุญ วนาสิน" ผู้กล้าสั่งสอนรัฐบาล
ในสถานการณ์วิกฤตโควิดเวลานี้ โดยเฉพาะเรื่องการบริหารจัดการของภาครัฐในการจัดหาวัคซีนให้ประชาชน มีชื่อของ หมอ-ที่เป็นนักธุรกิจชื่อดังคนหนึ่งเข้ามาอยู่ในหน้าข่าวสื่อมวลชน
นั่นก็คือ นายแพทย์ บุญ วนาสิน ประธานกรรมการ บมจ.ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป ซึ่งหมอบุญวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลพลเอก ประยุทธ์ เรื่องการบริหารจัดการหาวัคซีนมาฉีดให้คนไทยล่าช้าด้วยทัศนะของคนรู้ลึกรู้จริง และอย่างตรงไปตรงมา ทำให้คนไทยตาสว่าง
ก่อนหน้านี้ หมอบุญ ปรากฏในสื่อ จากการที่โรงพยาบาลเอกชน จะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการขอมีส่วนร่วมวางแผนและตัดสินใจ แก้ปัญหาโควิด โดยเฉพาะการรวมกลุ่มของโรงพยาบาลเอกชนเพื่อจะเข้าไปเจรจาซื้อขายวัคซีนจากบริษัทผู้ผลิตวัคซีนรายใหญ่ของสหรัฐและยุโรป
โดยหมอ บุญ ก็คือหนึ่งในนักธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนที่มีบทบาทดังกล่าว ผ่านการขับเคลื่อนในาม สมาคมโรงพยาบาลเอกชน เพื่อขอซื้อวัคซีนทั้ง โมเดอร์นาและไฟเซอร์ และต่อมา มีการให้สัมภาษณ์พาดพิง องค์การเภสัชกรรมทำนองว่า องค์การเภสัชฯ ชาร์จค่าบริหารจัดการอีก 5 - 10% จากกลุ่มรพ.เอกชน จนเกิดดรามาตามมา มากมาย
จนสุดท้าย ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป ก็ต้องร่อนหนังสือ แสดงความเสียใจ ต่อบทสัมภาษณ์ดังกล่าวที่ทำให้องค์การเภสัชกรรมเสียหาย
แต่ยังพบว่า หมอบุญ ก็ยังออกมาให้ความเห็นเรื่องการแก้ปัญหาโควิดของรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการวิจารณ์เรื่องการบริหารจัดการหาวัคซีน และระบุว่า เรื่องนี้รัฐบาลต้องรับผิดชอบ
กล่าวสำหรับบมจ. ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป ของนายแพทย์บุญ เป็นกลุ่มธุรกิจที่มีเครือข่ายด้านโรงพยาบาลและการแพทย์ ในระดับกลุ่มทุนรายใหญ่ของวงการโรงพยาบาลเอกชนรายใหญ่ของประเทศไทย และเป็นกลุ่มหุ้นบิ๊กล็อต รายใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
หมอบุญก็ถือว่า เป็นหนึ่งในเศรษฐีหุ้นรายใหญ่ของประเทศไทยมาหลายสิบปี มีชื่อโด่งดังในวงการสาธารณสุขภาคเอกชนมานาน เพราะเป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกการทำโรงพยาบาลเอกชนขนาดใหญ่ในกรุงเทพมหานครและต่างจังหวัด เช่น โรงพยาบาลปิยะเวท โรงพยาบาลในเครือธนบุรี
และในต่างจังหวัดเช่น ภูเก็ต หัวหิน เป็นต้น
และยังมีการสยายปีก ไปสร้างโรงพยาบาลในต่างประเทศอีกหลายแห่งเช่นที่ ประเทศจีนที่ทุ่มทุน เป็นหมื่นล้านเพื่อสร้างโรงพยาบาลที่เมืองหนานจิง และ ฉางโจ รวมถึงร่วมลงทุนกับรัฐบาลจีน เข้าไปบริหารโรงพยาบาลที่คุนหมิง และ ไห่หนาน
ตลอดจนมีการนำกลุ่มธุรกิจ ธนบุรี เฮลท์ แคร์ กรุ๊ป จำกัด เข้าไปลงทุนธุรกิจโรงพยาบาลในเวียดนาม และพม่าอีกด้วย
ขณะที่ธุรกิจในไทย หมอบุญได้ขยายออกไปอีกหลายอย่าง แตกแขนงไปมากมาย เช่นลงทุนสร้างโรงงานผลิตถุงมือยางในโครงการอีอีซี
แต่หลักๆ ก็จะอยู่ในธุรกิจด้านสาธารณสุขและวิทยาศาสตร์การแพทย์ เรียกได้ว่า ทำธุรกิจด้านการแพทย์ครบวงจร
จึงทำให้มีธุรกิจในเครือข่ายจำนวนมาก จนส่งผลให้ หมอบุญ ถูกจัดให้เป็นหมอนักธุรกิจ นักลงทุนระดับต้นๆ ของประเทศไทย ที่มีฐานะระดับมหาเศรษฐีตลอดกาลมานานปี
อีกทั้ง รู้กันดีว่า หมอบุญ เป็นคนที่มีความกว้างขวางในแวดวงการเมือง การทหาร มากพอสมควร แม้ระยะหลัง หมอบุญ จะโลว์โปร์ไฟล์ทางการเมือง เนื่องจากอายุขัยที่มากขึ้น ด้วยในพ.ศ.นี้ อยู่ในวัยแปดสิบปี
แต่นักการเมืองทั้งรุ่นเก่า รุ่นกลาง รุ่นใหม่ ก็พยายามจะเชื่อมต่อคอนเน็คชั่นไปถึงตัวหมอบุญ อยู่ตลอด กับกิตติศัพท์เรื่อง ความเป็น หมอนักธุรกิจ นายทุนกระเป๋าหนัก
สำหรับหมอบุญ เคยเป็น หมออยู่ที่ รพ.ศิริราช และอาจารย์ ที่มหาวิทยาลัยมหิดล จนขึ้นมาเป็น ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์ประยุกต์ มหาวิทยาลัยมหิดล
หมอบุญ มีหัวทางธุรกิจ เห็นโอกาสทางธุรกิจของโรงพยาบาลเอกชน ที่ประเทศไทยตอนนั้นแทบไม่มีโรงพยาบาลเอกชนมากนัก เลยลงทุนตั้ง โรงพยาบาลธนบุรี ในปี 2519 จนกิจการรุดหน้าไปอย่างรวดเร็ว หมอบุญเลยลาออกจากราชการ มาทำธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนเต็มตัว จนมีการขยายกิจการไปอีกหลายแห่งทั้งในประเทศและต่างประเทศ
ส่วนตัวของหมอบุญ เอง ก็ยังลงทุนทำธุรกิจและลงทุนอีกหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจโรงแรม -ท่องเที่ยว--ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
เลยทำให้ ชื่อเสียงของหมอบุญ เริ่มมีมากขึ้น ไม่ใช่แค่ในวงการแพทย์ โดยเฉพาะเมื่อหมอบุญ เข้าไปเป็นนักลงทุนรายใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ กับการเป็นนักลงทุนมือฉมังในตลาดหุ้น
และะการเป็นนักเทกโอเวอร์กิจการในตลาดหุ้น คนแรกๆ ของวงการตลาดหลักทรัพย์ ที่เข้าไปซื้อกิจการต่างๆ เช่น บริษัทวิทยาคม, บริษัท เชียงใหม่ธุรกิจการแพทย์, บริษัท เฟิร์สทแปซิฟิค แลนด์, บริษัท บางกอกเพนท์ ที่ก็มีทั้งประสบความสำเร็จ และไม่ประสบความสำเร็จคละเคล้ากันไป
ทางการเมือง ก็เป็นที่รู้กันดีว่า เมื่อร่วม 30 ปีที่แล้ว สมัยหมอบุญ เริ่มมีชื่อเสียงและโด่งดังในแวดวงธุรกิจ เลยทำให้ หมอบุญ ก็ต้องสร้างคอนเน็คชั่นทางการเมือง และพรรคการเมือง เป็นที่รู้กันดีว่า หมอบุญ มีความสนิทกับนักการเมืองรุ่นเก่าสมัยเมื่อ 20-30 ปีที่แล้วจำนวนมาก
โดยเฉพาะจากพรรคกิจสังคม หรือพรรคแสบ ตั้งแต่ยุค มนตรี พงษ์พานิช เป็นหัวหน้าพรรคกิจสังคม ไปจนถึงแกนนำพรรคกิจสังคมอีกหลายคน เช่น หมอบุญพันธ์ แขวัฒนะ อดีตรมว.สาธารณสุข , สมศักดิ์ เทพสุทิน รักเกียรติ สุขธนะ จนเคยมีข่าวว่า กิจสังคม
จะดันให้หมอบุญ ได้เป็นรัฐมนตรีหลายครั้ง ตั้งแต่ยุครัฐบาล พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ โดยเฉพาะตอนช่วง รักเกียรติ มีปัญหาเรื่องทุจริตจัดซื้อยา ฯ สมัยเป็นรมว.สาธารณสุขในรัฐบาลชวน หลีกภัย 1 จนเกิดกระแสให้ปรับครม.
ตอนนั้น ก็มีข่าวว่า หมอบุญจะมาเป็นรมว.สาธารณสุขแทน แต่สุดท้าย ดีลดังกล่าว ก็ไม่เกิดขึ้น เพราะกระแสสังคมต่อต้าน พรรคกิจสังคม มาบริหารกระทรวงสาธารณสุขอีก ชวน หลีกภัย เลยใช้วิธีเอาโควต้า รมว.สาธารณสุข ไปให้ พรรคชาติพัฒนา จน กร ทัพพะรังสี เข้ามาเป็นแทน
ในเวลานั้น หมอบุญ มีชื่อเป็นข่าวโด่งดัง จากการเข้าไปมีชื่อเป็นส่วนหนึ่งของที่ดินธรณีสงฆ์ อัลไพน์ เพราะหมอบุญ ก็คือ ประธานบริหารบริษัทอัลไพน์ เรียลเอสเตท ที่มี ทั้ง เสนาะ เทียนทอง อุไรวรรณ เทียนทอง ชูชีพ หาญสวัสดิ์ พงษ์ศักดิ์ รักตพงษ์ไพศาล ร่วมเป็นกรรมการและถือหุ้นในบริษัทอัลไพน์
หมอบุญ ก็เคยเปิดแถลงข่าวกับสื่อในเรื่องนี้โดยยอมรับเองว่า เป็นหนึ่งในคนที่ร่วมเจรจาซื้อขายที่ดินอัลไพน์ จากวัดธรรมมิการามวรวิหาร จากนั้นนำที่ดินมาทำสนามกอล์ฟและหมู่บ้านอัลไพน์ และมีการตั้งบริษัททำธุรกิจในที่ดินดังกล่าว
โดยตนเองก็มาตั้ง บริษัท ราชธานีบ้านและที่ดิน จำกัด เพื่อบริหารหมู่บ้านอัลไพน์ ส่วนสนามกอล์ฟอัลไพน์ ก็เป็นของเสนาะ เทียนทอง ก่อนที่จะขายสนามกอล์ฟให้ทักษิณ ชินวัตร จนกลายเป็นเรื่องเป็นราวใหญ่โต เกิดคดีความมากมาย
กรณีของที่ดินอัลไพน์ แสดงให้เห็นถึงความไม่ธรรมดาและความมากคอนเน็คชั่นทางการเมือง ของหมอบุญ กับคนในฝ่ายเพื่อไทย ทั้งทักษิณ ชินวัตร เสี่ยเพ้ง พงษ์ศักดิ์ และเสนาะ เทียนทอง
แม้ว่าระยะหลัง หมอบุญ จะห่างจากแวดวงการเมืองแล้ว แต่ก็ยังแอบหนุนพรรคการเมืองอยู่หลายพรรค และสายสัมพันธ์นักการเมืองเบอร์ใหญ่ๆก็ยังแน่นแฟ้นกัน การที่หมอรุ่นเก๋าอย่าง นายแพทย์บุญ วนาสิน กล้าลุกขึ้นมาสั่งสอนรัฐบาลย่อมส่งผลสะเทือนต่อพลเอกประยุทธ์
แม้หมอบุญไม่ใช่ เช กูวาร่า หมอนักปฏิวัติผู้ใหญ่ แต่หมอบุญก็ทำให้พล.อ ประยุทธเซได้เหมือนกัน