MGR Online - “ประสิทธิ์ เจียวก๊ก” หัวหน้าแก๊งตุ๋นพันล้าน มอบตัวกองปราบ เผย ถูกกลั่นแกล้ง และมีคดีตกเป็นผู้เสียหาย สูญเงินไปกว่า 100 ล้าน-เหยื่อแฉใช้จิตอาสาสร้างความน่าเชื่อถือ
วันนี้ (17 พ.ค.) ที่ กองปราบปราม เมื่อเวลา 09.00 น. นายประสิทธิ์ เจียวก๊ก ประธานโครงการคืนคุณแผ่นดิน พร้อมทนายความ เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.ทัศน์ภูมิ จารุปรัชญ์ รอง ผบก.ปอศ. พ.ต.อ.ธงชัย อยู่เกษ ผกก.1 บก.ป. และคณะพนักงานสอบสวนชุดคลี่คลายคดีดังกล่าว เพื่อเข้ามอบตัวหลังตกเป็นผู้ต้องหาในคดีร่วมกับพวกรวม 6 คน เปิดบริษัทในลักษณะเครือข่ายใหญ่ หลอกลงทุนหลายรูปแบบ มูลค่าความเสียหายนับพันล้านบาท โดยนำพยานเอกสารหลักฐานสำคัญต่างๆ มามอบให้กับทางพนักงานสอบสวนเพื่อชี้แจงรายละเอียดข้อเท็จจริงทางคดี
พ.ต.อ.ทัศน์ภูมิ กล่าวว่า ตอนนี้ยังอยู่ในขั้นตอนสอบปากคำผู้ต้องหา ยังไม่สามารถยืนยันว่าจะส่งฟ้องศาลในวันนี้ได้หรือไม่ เนื่องจากต้องรอความเห็นจากทาง พล.ต.ต.สุวัฒน์ เเสงนุ่ม ผบก.ป. ว่ายังมีประเด็นใดที่ยังต้องสืบสวนสอบสวนสอบสวนเชิงลึกหรือไม่ เพราะการเข้าพบพนักงานสอบสวนตามหมายจับของนายประสิทธิ์ ตำรวจมีอำนาจในการควบคุมตัว 48 ชั่วโมงอยู่แล้ว ส่วนการพิจารณาปล่อยตัวชั่วคราวในชั้นพนักงานสอบสวนยืนยันคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากเป็นคดีที่มีผู้เสียหายจำนวนมาก มูลค่าเสียหายจำนวนมาก ประกอบกับนายประสิทธิ์ถือเป็นผู้ต้องหาคนสำคัญ เกรงว่าจะยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน และอาจจะหลบหนี
นายประสิทธิ์ กล่าวว่า หลังตกเป็นผู้ต้องหาในคดีดังกล่าว ในวันนี้จึงได้เตรียมพยานหลักฐานและข้อเท็จจริงมาชี้แจงกับพนักงานสอบสวน มั่นใจว่า มีข้อมูลสามารถชี้แจงและต่อสู้คดีตามกฏหมายได้
“ผมขอยืนยันว่าสิ่งที่พูดไปทั้งหมดเป็นข้อเท็จจริง และเรื่องที่เกิดขึ้นถูกกลั่นแกล้ง เพราะที่ผ่านมาส่วนตัวก็มีคดีความที่ตัวเองตกเป็นผู้เสียหาย สูญเงินไปกว่า 100 ล้านบาทเช่นเดียวกัน” นายประสิทธิ์ กล่าว
นายประสิทธิ์ กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมา ปัญหาสถานการณ์ โควิด-19 ส่งผลกระทบกับธุรกิจการท่องเที่ยวของตัวเองอย่างมาก อีกทั้งยังถูกนำชื่อไปเชื่อมโยงกับประเด็นความขัดแย้งทางการเมือง ดังนั้นจึงอยากให้สังคมแยกแยะระหว่างการระดมทุนทางธุรกิจกับการทำธุรกิจแบบเครือข่าย ซึ่งส่วนตัวเชื่อมั่นว่า ยังมีคนที่มั่นใจในตัวเองอยู่ และหากตัวเองกระทำความผิดจริง ต้องรับโทษตามกฎหมายอยู่แล้ว
วันเดียวกัน ได้มีกลุ่มตัวเเทนผู้เสียหายกว่า 20 คน นำโดย นายอติชาต เลาหพิบูลย์กุล เดินทางมาเข้าพบพนักงานสอบสวนกองปราบ เพื่อให้ปากคำเพิ่มเติมในคดีที่เคยเเจ้งความกล่าวหานายประสิทธิ์ เจียวก๊ก กับพวกในข้อหาฉ้อโกงฯ
โดย นายอติชาต ผู้เสียหาย กล่าวว่า ร่วมลงทุนกับนายประสิทธิ์ มานานร่วม 2 ปี โดยตัวเองมีมูลค่าเสียหาย 80 ล้านบาท ลงทุนทุกรูปแบบที่นายประสิทธิ์เสนอออกมา เนื่องจากมีความเชื่อถือเนื่องจากนายประสิทธิ์เป็นบุคคลมีต้นทุนทางสังคม เเละตัวเองก็เคยมีโอกาสได้ลงพื้นที่ร่วมทำจิตอาสาร่วมกับนายประสิทธิ์ด้วย
นายอติชาต กล่าวต่อว่า โดยส่วนตัวแล้วมองว่าการทำธุรกิจของนายประสิทธิ์ไม่เข้าข่ายเเชร์ลูกโซ่ เพราะมีธุรกิจจริง ได้ผลประกอบการ เเละไม่ได้ปันผลจากการเเนะนำต่อเเต่อย่างใด นายประสิทธิ์อ้างว่าบริษัทประสบปัญหาสภาพคล่อง เพราะเศรษฐกิจไม่ดี ซึ่งขัดเเย้งกับความเป็นจริงที่บริษัท นายประสิทธิ์เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว
ส่วนผู้เสียหายอีกราย อ้างว่า เคยเป็นพนักงานในบริษัทของนายประสิทธิ์ โดยสมัครเข้าทำงานช่วงเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ก่อนถูกชักชวนให้นำเงินลงทุนสหกรณ์ อ้างจะให้เงินปันผล 15 เปอร์เซ็นต์ ของเงินลงทุนทุก 39 วัน เป็นสิทธิพิเศษเฉพาะพนักงานเท่านั้น ตนจึงไปชักชวนครอบครัวเเละญาติ ร่วมลงทุนมูลค่ารวมกว่า 1 ล้าน 4 แสนบาท ซึ่งก็ได้เงินปันผลครบทุกรอบ เเต่เมื่อภายหลังขอเงินลงทุนคืน กลับถูกบ่ายเบี่ยง ช่วงเมษายนที่ผ่านมาพนักงานติดต่อให้ไปเซ็นเอกสาร ประนอมหนี้ โดยระบุจะ แบ่งจ่ายชำระหนี้ให้เป็นระยะเวลา 1 ปี เเต่ภายหลังกลับติดต่อไม่ได้ ทุกวันนี้ลำบากมาก เพราะไม่มีเงินจะใช้จ่าย ต้องจำนำของในบ้านเเทบทั้งหมด
ด้าน นายเดชบดินทร์ ฉายทองดี หรือ บอส นักแสดงละครซิทคอมเรื่อง เฮง เฮง เฮง กล่าวว่า ตนเองก็ตกเป็นหนึ่งในผู้เสียหายที่ร่วมลงทุนซื้อแพ็กเกจทัวร์ และโอนเงินฝากเข้าบัญชีสหกรณ์ออมทรัพย์ ของนายประสิทธิ์ เพราะเชื่อตามคำกล่าวอ้างว่าจะได้รับผลตอบแทนร้อยละ 11.5 ถึงร้อยละ 15 ต่อการลงทุนในระยะเวลา 39 วัน โดย 2 ปี แรกตนลงทุนไปประมาณ 9 ล้านบาท เห็นว่าได้จริงและไม่มีปัญหาใดๆ ช่วงปลายปี 2563 ตนเองและคนใกล้ชิดจึงลงทุนเพิ่มรวมเป็น 48 ล้านบาท หลังจากนั้นจึงเริ่มมีปัญหาเรื่อยมา รวมถึงไม่สามารถเบิกเงินคืน เมื่อทวงถามนายประสิทธิ์ กลับบ่ายเบี่ยงอ้างว่าถูกพนักงานโกงเงิน บอกเพียงว่าจะรีบหาเงินมาคืนให้
นายเดชบดินทร์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ขณะที่ตนเข้าไปทวงถามเรื่องดังกล่าวที่ออฟฟิศของนายประสิทธิ์ ยังสังเกตพบภาพเจ้าตัวถ่ายรูปร่วมกับผู้หลักผู้ใหญ่ระดับประเทศติดอยู่ในห้องหลายคน รวมถึงยังเคยได้ยินพนักงานของนายประสิทธิ์ พูดทำนองว่ามีแบ็กอัพดี มีคนหนุนยังไงก็ไม่ล้ม ในวันนี้พอทราบข่าวว่านายประสิทธิ์ติดต่อเข้ามอบตัวจึงเดินทางมากองปราบเพื่อนำหลักฐานมามอบให้กับพนักงานสอบสวนเพิ่มเติม ทั้งยังยอมรับว่าค่อนข้างกังกลและเกรงว่าจะไม่ได้รับเงินลงทุนคืนจากนายประสิทธิ์ ผู้ต้องหา
ต่อมาเวลา 11.30 น. ทางเจ้าหน้าที่ กก.4 บก.ปอศ. ได้เดินทางมารับเอกสารเกี่ยวกับการทำธุรกิจที่พบจากการเข้าตรวจค้น จำนวนรวมกว่า 4 คันรถ กลับไปทำการตรวจสอบเพื่อนำไปใช้เป็นพยานหลักฐานประกอบสำนวนคดี
รายงานข่าวแจ้งว่า จากการสอบปากคำนายประสิทธิ์ เบื้องต้นยังคงให้การปฏิเสธ ขณะที่นายกิตติศักดิ์ เย็นนานนทน์ รองประธานกรรมการบริหารบริษัทในเครือ M group ผู้ต้องหาตามหมายจับในคดีดังกล่าวอีกราย ที่ยังคงหลบหนีขณะนี้ยังไม่มีการประสานติดต่อขอเข้ามอบตัวกับทางตำรวจแต่อย่างใด ส่วนเรื่องการตรวจสอบเส้นทางการเงินที่คนร้ายยักย้ายถ่ายเทออกไปนั้น ยังคงประสานขอข้อมูลจากธนาคาร ซึ่งต้องใช้เวลานานพอสมควร เนื่องจากเป็นความลับของลูกค้า
