MGR Online - ดีเอสไอรับเรื่องบริษัทผลิตถุงมือยางไนไตรขอความเป็นธรรม หลังถูกแจ้งความเอาผิดกล่าวหาฉ้อโกงหลอกบริษัทต่างชาติ เสียหาย 30 ล้านบาท ยืนยันเหตุที่ไม่ส่งมอบสินค้าเพราะบริษัทผู้ซื้อทำผิดสัญญา
วันนี้ (29 เม.ย.) กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เผยแพร่เอกสารโดยระบุว่า “ตามที่กรมสอบสวนคดีพิเศษได้นำเสนอข่าว กรณี นายพิเชษฐ สถิรชวาล สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ประธานคณะอนุกรรมาธิการแนวทางส่งเสริมและแก้ปัญหาอุตสาหกรรมการผลิตถุงมือยางแห่งประเทศไทย สภาผู้แทนราษฎร นำผู้แทนผู้เสียหายมายื่นเรื่องต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ กรณีกล่าวหาว่าบริษัท พี แอนด์ เอ็ม เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด มีพฤติการณ์ในลักษณะส่อไปทางฉ้อโกงเกี่ยวกับการจัดซื้อถุงมือไนไตรแบบแพกเปลือย มูลค่าความเสียหายกว่า 37 ล้านบาทเศษ เมื่อวันที่ 27 เมษายน 2564 ที่ผ่านมานั้น
วานนี้ (28 เม.ย.) ที่สำนักงานเลขานุการกรม กรมสอบสวนคดีพิเศษ ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพมหานคร ได้มีผู้แทนของบริษัท พี แอนด์ เอ็ม เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด มายื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมเกี่ยวกับเรื่องที่ถูกกล่าวหาต่ออธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ โดยมีสาระสำคัญว่าบริษัทได้ตกลงทำสัญญาซื้อขายถุงมือยางไนไตรแบบแพกเปลือย กับบริษัท เบาหยวนธง โฮลดิ้ง กรุ๊ป ฮ่องกง จำกัด จริง
แต่เหตุที่บริษัทไม่ส่งสินค้าถุงมือยางให้แก่บริษัทเบาหยวนธง โฮลดิ้ง กรุ๊ป ฮ่องกง จำกัด ผู้กล่าวหา ตามที่ทำสัญญากันเนื่องจากบริษัทดังกล่าวไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขแห่งสัญญาให้ถูกต้องสมบูรณ์และมีการบอกเลิกสัญญากับบริษัท พี แอนด์ เอ็ม เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด อันเป็นการปฏิบัติตามสัญญาซื้อขายปกติ มิใช่เป็นการฉ้อโกงระดับชาติดังที่มีการกล่าวหาบริษัทแต่อย่างใด และบริษัทพี แอนด์ เอ็ม เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด มิได้มีการแอบอ้างผู้บริหารระดับสูงในรัฐบาล ซึ่งเรื่องที่เกิดขึ้นอยู่ระหว่างการสอบสวนของพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรแหลมฉบัง โดยพนักงานสอบสวนได้นัดหมายผู้แทนบริษัทเพื่อให้เข้าพบและให้ข้อเท็จจริง รวมทั้งแสดงพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง และมีแนวทางในการเจรจาเพื่อหาข้อยุติอยู่แล้ว
ทั้งนี้ บริษัท พี แอนด์ เอ็ม เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด มีข้อสงสัยเกี่ยวกับบุคคลที่พาผู้เสียหายมาร้องขอให้กรมสอบสวนคดีพิเศษดำเนินการ โดยขอให้กรมสอบสวนคดีพิเศษพิจารณาให้ความเป็นธรรม ซึ่งสำนักงานเลขานุการกรมได้รับเรื่องไว้แล้ว และส่งเรื่องให้กองบริหารคดีพิเศษประมวลเสนออธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษเพื่อมีคำสั่งให้รวมเรื่อง และพิจารณาให้ความเป็นธรรมตามข้อเท็จจริง และประสานงานกับสถานีตำรวจภูธรแหลมฉบังต่อไป
อนึ่ง กรมสอบสวนคดีพิเศษขอชี้แจงว่า ในการปฏิบัติหน้าที่ด้านคดีจะเป็นไปตามพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 ที่มีมาตรฐานการปฏิบัติงาน มีความโปร่งใส และตรวจสอบได้ โดยรับฟังข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานทุกชนิดที่สามารถพิสูจน์ความผิดหรือความบริสุทธิ์ตามอำนาจหน้าที่ที่กฎหมายกำหนด”