ศาลนัดพร้อมคดี “ช่อ” ฟ้องหมิ่น “บุญเกื้อ” กล่าวหาอมเงินบริจาคโครงการเมย์เดย์ ระดมทุนช่วยเหลือนักดนตรี “บุญเกื้อ” ระบุมีข้อมูลบางรายไม่ได้เงินบริจาค เตรียมดำเนินคดีข้อหาฉ้อโกงประชาชน ด้าน “นพ.วรงค์” จับตา “ตู่-จตุพร” ปลุกม็อบ ชี้มูลเหตุยังไม่พอให้คนออกมาชุมนุม
ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (5 มี.ค.) ศาลอาญานัดพร้อมเพื่อตรวจพยานหลักฐานคดีหมายเลขดำ อ.1732/2563 ที่ น.ส.พรรณิการ์ วานิช หรือ ช่อ กรรมการบริหารคณะก้าวหน้า เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายบุญเกื้อ ปุสสเทโว กรรมการโฆษกกลุ่มไทยภักดี เป็นจำเลย ในข้อหาหมิ่นประมาท, หมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326, 328 พร้อมเรียกค่าเสียหาย 1 ล้านบาท
คดีนี้โจทก์ฟ้องระบุพฤติการณ์ว่า เมื่อระหว่างวันที่ 1-3 พ.ค. 2563 คณะก้าวหน้าได้จัดโครงการ #MAYDAYMAYDAY เพื่อสนับสนุนศิลปินนักดนตรีอิสระที่ไม่สามารถประกอบอาชีพได้ในช่วงเวลารักษาระยะห่างทางสังคม โดยรายได้จากการระดมทุนเงินบริจาคระหว่างคอนเสิร์ตจะถูกส่งต่อไปให้เพื่อช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบ หรือความเดือดร้อนจากโรคติดเชื้อโควิด-19 เป็นเงินคนละ 3 พันบาท ภายใต้ชื่อกิจกรรมว่า “คอนเสิร์ตระดมทุน เมย์เดย์เมย์เดย์ เราช่วยกัน” คณะก้าวหน้าได้รับเงินบริจาคจำนวนทั้งสิ้น 7,282,897.34 บาท และได้ทำการส่งมอบเงินช่วยเหลือให้แก่ผู้ได้รับผลกระทบหรือเดือดร้อนจากโควิด-19 จำนวน 2,427 คน
โดยเมื่อวันที่ 28 มิ.ย. 2563 จำเลยในฐานะเจ้าของบัญชีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ “บุญเกื้อ ปุสสเทโว” ได้ลงภาพและข้อความในเฟซบุ๊ก ทำนองว่า คุณช่อและคณะก้าวหน้ากลบเกลื่อนความผิดเรื่องอมเงินบริจาค อาชญากรรมย่อมทิ้งร่องรอยไว้เสมอ รายชื่อผู้ได้รับเงินมีพิรุธ สเตทเมนต์ลวงโลก ตรวจสอบทางทะเบียนราษฎรแล้วไม่พบว่ามีตัวตน จากข้อความดังกล่าว โจทก์มีชื่อเล่นว่าช่อ และเป็นหนึ่งในสมาชิกคณะก้าวหน้า ซึ่งเปิดบัญชีรับเงินบริจาคสำหรับโครงการ การที่จำเลยใส่ความโจทก์และคณะก้าวหน้าต่อสาธารณชนว่าอมเงินบริจาค เป็นอาชญากรรมทิ้งร่องรอย และจัดทำบัญชีรายชื่อผู้รับเงินอันเป็นเท็จ ย่อมทำให้โจทก์และคณะก้าวหน้าได้รับความเสียหาย เสื่อมเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง
ในวันนี้ นายบุญเกื้อ กรรมการโฆษกกลุ่มไทยภักดี เดินทางมาศาล พร้อมทนายความและนพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม รักษาการหัวหน้าพรรคไทยภักดี
นายบุญเกื้อ ระบุว่า จากกรณีที่ก่อนหน้านี้ ตนเองได้ไปติดประกาศหมายศาลที่ตึกไทยซัมมิท เพื่อขอรายละเอียดในโครงการเมยเดย์เมย์เดย์ ระดมทุนช่วย นักดนตรี ช่วงโควิด-19 ซึ่งปรากฏว่า รายชื่อผู้ที่ขอเข้ามา เมื่อเรียงตามลำดับหลายรายชื่อแล้วมีหลายท่านยังไม่ได้รับเงินช่วยเหลือ หลังจากนี้ ทีมงานจะมีการไปรวบรวมรายชื่อ 2,427 คนแรก ว่า ยังมีใครที่ไม่ได้รับเงินช่วยเหลือมาเปิดเผยต่อสาธารณชน โดยรายชื่อทั้งหมด หากพบว่าใครยังไม่ได้รับเงินช่วยเหลือให้ติดต่อมาที่ตน เพื่อเอาผิดทางคณะก้าวหน้าในข้อหาหลอกลวงประชาชนต่อไป
ขณะที่ นพ.วรงค์ กล่าวเสริมว่า จากการปรึกษากับทีมทนายความ พบว่า หลักฐานที่ส่งมาจากฝั่งของโจทก์เป็นไฟล์มีประชาชนขอรับการช่วยเหลือ 3 ล้านรายชื่อ แต่เงินที่คณะก้าวหน้าจ่ายมีเพียง 2,427 รายชื่อ เมื่อเทียบกับ 3 ล้านบาท ถือเป็นจำนวนที่ต่างกันมาก เมื่อมีการตรวจสอบพบข้อมูลว่าอาจจะมีบางส่วนในจำนวน 2,427 รายชื่อ ไม่ได้รับเงินจึงจะให้นายบุญเกื้อประกาศรายชื่อของบุคคลลำดับ 2,427 รายชื่อแรก และใครไม่ได้รับเงินก็ขอให้ประสานแจ้งมายังนายบุญเกื้อ คาดว่า ในช่วง 1-2 สัปดาห์โจทก์อาจจะต้องเปลี่ยนเป็นจำเลย ส่วนจำเลยจะเปลี่ยนเป็นโจทก์เพราะนายบุญเกื้อจะแจ้งความดำเนินคดีข้อหาหลอกลวงประชาชน ซึ่งขณะนี้ข้อมูลทั้งหมดอยู่ในไฟล์ในโทรศัพท์มือถือแล้ว จำนวน ประมาณ 1.5 แสน จาก 3 ล้านรายชื่อ จากการตรวจสอบพบข้อพิรุธขึ้นเรื่อยๆ ทั้งนี้ ในส่วนของการนัดสืบพยานศาลได้นัดหมายอีกครั้ง ในช่วงต้นปีหน้า ช่วงเดือน ก.พ. 2565
เมื่อถามถึงกรณีการชุมนุมของกลุ่มสามัคคีประชาชน นำโดย นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช.เมื่อวานนี้ (4 เม.ย.)
นพ.วรงค์ กล่าวว่า กำลังจับประเด็นอยู่ว่ามีการขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในเงื่อนไขใด เพราะการชุมนุมที่ผ่านมา ประชาชนจะต้องรู้สึกอึดอัดจนต้องออกมาร่วม แต่มูลเหตุที่ติดตามการชุมนุมเมื่อคืนนี้ เหตุผลยังไม่เพียงพอที่จะทำให้คนออกมาร่วมขับกันขับไล่รัฐบาล