ศาลอาญาสั่งปล่อยชั่วคราว “โตโต้” หัวหน้าการ์ดวีโว่ ชี้ การสอบสวนชัดเจนในข้อหามั่วสุม 10 คน ขึ้นไป ซึ่งมีโทษน้อย โดยวางหลักทรัพย์ 4.5 หมื่นบาท พร้อมกำหนดเงื่อนไขห้ามพกพาอาวุธไปชุมนุม หรือ ทำร้ายเจ้าหน้าที่
เมื่อเวลา 14.00 น. วันนี้ (2 เม.ย.) ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลอ่านคำสั่งขอปล่อยชั่วคราว นายปิยรัฐ จงเทพ หรือ โตโต้ อายุ 28 ปี หัวหน้าการ์ดกลุ่มวีโว่ ม็อบคณะราษฎร ผู้ต้องหาคดีอั้งยี่ ซ่องโจรฯ จากการถูกตำรวจจับกุมตัวเมื่อช่วงค่ำวันที่ 6 มี.ค. 2564 ที่ห้างสรรพสินค้าเมเจอร์ สาขารัชโยธิน ซึ่งเป็นวันเดียวกับเหตุการณ์ชุมนุมของกลุ่ม REDEM หน้าศาลอาญา
ถ.รัชดาภิเษก ซึ่งไม่ได้รับการประกันตัวในชั้นฝากขัง
โดยในวันนี้ เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้เบิกตัวนายปิยรัฐ ผู้ต้องหามาจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ขณะที่ทนายความ มาฟังคำสั่งการปล่อยชั่วคราว
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า เจ้าพนักงานตำรวจได้จับกุมผู้ต้องหากับพวกที่ลานจอดรถห้างสรรพสินค้าเมเจอร์ รัชโยธิน
เมื่อช่วงค่ำวันที่ 6 มี.ค.ที่ผ่านมา ตามรายงานจากการสืบสวนสอบสวนว่าผู้ต้องหากับพวกทั้งหมดจะมารวมตัวกันชุมนุมยังสถานที่ดังกล่าว โดยเจ้าหน้าที่เฝ้าสังเกตการณ์จนนำไปสู่การจับกุมนายปิยรัฐผู้ต้องหา กับพวกจำนวน 15 คน โดยมีข้อหาหลักเป็นความผิดฐานอั้งยี่และซ่องโจร ซึ่งเป็นความผิดร้ายแรง แต่พนักงานสอบสวนยังไม่สามารถแสดงให้ชัดในชั้นไต่สวนนี้ถึงพฤติการณ์ที่ทำให้เห็นได้ว่าผู้ต้องหากับพวกเป็นคณะบุคคลที่ปกปิดวิธีดำเนินการและมีจุดมุ่งหมายอันละเมิดกฎหมายหรือสมคบกันเพื่อกระทำความผิดต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน ซึ่งจะส่อให้เห็นพฤติกรรมอุกอาจและความเสี่ยงสูงที่ผู้ต้องหาอาจหลบหนีหรือก่อเหตุอันตรายประการอื่นอย่างไรให้พอเห็นเป็นรูปธรรมได้โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาจากพยานหลักฐานใหม่ที่ทนายผู้ต้องหา นำมาแสดงซึ่งชี้ให้เห็นในเบื้องต้นว่าขณะจับกุมนายปิยรัฐ ผู้ต้องหา มิได้อยู่ร่วมกับพวกในขณะมีพฤติการณ์กำลังสมคบกันในลักษณะเป็นอั้งยี่หรือซ่องโจรอันจะทำให้เป็นความผิดซึ่งหน้า อีกทั้งผู้ต้องหายินยอมให้จับกุมด้วยความสงบและไม่พบอาวุธที่ตัว คงพบเพียงเสื้อคล้ายเสื้อเกราะที่ผู้ต้องหาสวมใส่อยู่เท่านั้น
พฤติการณ์หลักที่ปรากฏให้เห็นในชั้นนี้คงมีเพียงในส่วนของความเป็นไปได้ในเรื่องการมั่วสุมชุมนุมกันอาจเป็นความผิดซึ่งหน้า
ตาม พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 มาตรา 9(2) เท่านั้น ซึ่งเป็นฐานความผิดที่ไม่ร้ายแรงและมีโทษน้อยเมื่อประกอบกับในชั้นไต่สวนพนักงานสอบสวนแสดงว่าการสอบสวนคืบหน้าไปมากจนเหลือพยานเพียง 4 ปาก ซึ่งล้วนเป็นเจ้าพนักงานตำรวจ และพนักงานสอบสวนขอให้การปล่อยชั่วคราวอยู่ในดุลพินิจของศาล อันหมายถึงไม่ได้คัดค้านการปล่อยชั่วคราวอีกต่อไป
ดังนั้น เห็นว่า พฤติการณ์แห่งคดีได้เปลี่ยนแปลงไปจึงเห็นสมควรให้ปล่อยชั่วคราว นายปิยรัฐ ผู้ต้องหาได้แต่เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่ผู้ต้องหา จะหลบหนีหรือก่อเหตุร้ายอื่นจึงให้เรียกประกันเป็นเงิน 45,000 บาท กำหนดเงื่อนไขห้ามผู้ต้องหาพกพาอาวุธไปเข้าร่วมการชุมนุมทางการเมือง หรือใช้กำลังประทุษร้ายต่อเจ้าหน้าที่
หลังจากนี้ เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จะได้นำตัวนายปิยรัฐ ผู้ต้องหา กลับไปยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เพื่อดำเนินการปล่อยชั่วคราว ตามคำสั่งศาลต่อไป