ทนายความยื่นประกันตัว “โตโต้” หัวหน้าการ์ดคณะราษฎร อีกครั้ง พร้อมขอให้เรียกผู้ต้องหา-ตำรวจ มาเบิกความ ศาลนัดไต่สวน 31 มี.ค.นี้ เพื่อมีคำสั่งให้ประกันหรือไม่
วันนี้ (26 มี.ค.) ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก นายนรเศรษฐ์ นาหนองตูม ทนายความจำเลย ได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว นายปิยรัฐ จงเทพ หรือ โตโต้ แกนนำกลุ่ม Wevo ผู้ต้องหาคดีอั้งยี่ ซึ่งถูกจับกุมเมื่อวันที่ 6 มี.ค. 2564 ที่ห้างเมเจอร์ฯ รัชโยธิน วันเดียวกับเหตุการณ์ชุมนุมของกลุ่ม REDEM หน้าศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก และไม่ได้รับการประกันตัวในชั้นฝากขัง โดยคำร้องมีเนื้อหารายละเอียดขอให้ศาลเรียกพนักงานสอบสวนและผู้ต้องหามาไต่สวนด้วย
คำร้องสรุปว่า นายปิยรัฐ ผู้ต้องหาที่ 1 ถูกจับกุมโดยยังไม่ได้เข้าร่วมการชุมนุมใดๆ ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับคดีนี้ เมื่อวันที่ 18 มี.ค. 2564 พนักงานสอบสวน สน.พหลโยธิน ได้ทำการแจ้งข้อกล่าวหาและสอบสวนผู้ต้องหาเพิ่มเติม พนักงานสอบสวนก็ไม่มีพยานหลักฐานใดยืนยันแน่ชัดว่า ผู้ต้องหาที่ 1 กระทำการในลักษณะอั้งยี่และซ่องโจร คงมีเพียงแต่การกล่าวหาโดยลอยๆ เท่านั้น ตามวันเวลาเกิดเหตุ ผู้ต้องหาที่ 1 เพียงเดินทางไปรับประทานอาหารที่ห้างเมเจอร์ฯ รัชโยธิน เท่านั้น ปรากฏตามใบเสร็จค่าอาหาร จำนวน 962 บาท รับประทานเสร็จในเวลา 17.52 น.
ต่อจากนั้น ได้ถูกเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบพยายามเข้ามาควบคุมตัว โดยไม่มีหมายจับ ไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหา ไม่แจ้งว่ากระทำความผิดอันใด ไม่มีหมายค้น ขอค้นตัว ผู้ต้องหาที่ 1 ก็ให้ความยินยอมแต่โดยดี หากดูตามคลิปวิดีโอจะเห็นได้ว่า ไม่พบสิ่งของใดๆ ไว้ในครอบครองตามที่ถูกกล่าวหา แต่เมื่อชุดปฏิบัติการพิเศษเดินทางมาถึง ได้พยายามปัดกล้องไม่ให้ถ่ายภาพเหตุการณ์เอาไว้ คลิปวิดีโอถูกตัดออกไป ผู้ต้องหาที่ 1 กับเพื่อนถูกควบคุมตัวพร้อมถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดและถูกยึดสิ่งของต่างๆ
นอกจากนี้ พนักงานสอบสวนก็ยังไม่ได้ไปตรวจสอบกล้องวงจรปิด หรือขอข้อมูลกล้องวงจรปิดแต่อย่างใด ต่อมาบุคคลผู้ถูกควบคุมตัวก็ได้ไปขอตรวจสอบกล้องวงจรปิดกับห้างเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ เห็นได้ว่า เจ้าหน้าที่เข้าจับกุมบุคคลต่างๆ ตั้งแต่เวลา 17.43-17.45 น. ซึ่งเป็นระยะเวลาช่วงเดียวกันกับที่ผู้ต้องหาที่ 1 ยังอยู่ในห้างและกำลังจะจ่ายเงินค่าอาหารตามใบเสร็จเวลา 17.52 น. อันแสดงให้เห็นว่า ผู้ต้องหาที่ 1 ไม่ได้มีพฤติการณ์ต่างๆ อันเป็นความผิดตามที่ถูกกล่าวหา ทั้งนี้ ตามสำเนาบันทึกการตรวจยึดของกลางจากผู้ต้องหาที่ 1 ก็ระบุเพียงแค่ว่า ตรวจยึดได้เสื้อคล้ายเกราะเท่านั้น ไม่ใช่เสื้อเกราะ ไม่มีสิ่งของต่างๆ ตามที่พนักงานสอบสวนได้บรรยายไว้ในคำร้องขอฝากขังอยู่ในความครอบครองของผู้ต้องหาที่ 1 แต่อย่างใด
จากการสอบถามผู้ต้องหาที่ 1 ยืนยันว่า เพิ่งเคยถูกดำเนินคดีในความผิดฐานอั้งยี่ ซ่องโจร ไม่ได้มีพฤติการณ์ลักษณะซ้ำๆ ข้อเท็จจริงที่พนักงานสอบสวนกล่าวอ้างมาในคำร้องขอฝากขัง จึงน่าจะคลาดเคลื่อน สำหรับคดีอื่นๆ ที่ถูกกล่าวหาว่า กระทำผิดนั้น ไม่ได้ลักษณะคดีและข้อหาข้อเท็จจริงต่างๆ เหมือนกับคดีนี้ เป็นแต่เพียงการแสดงออกและการใช้สิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญเท่านั้น ยังไม่มีคดีใดที่ศาลพิพากษาลงโทษ จึงถือว่าผู้ต้องหาเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่ จึงขอให้ศาลได้โปรดตรวจสอบข้อเท็จจริง ให้ความเป็นธรรมแก่ผู้ต้องหา หากพนักงานสอบสวนคัดค้านการปล่อยชั่วคราว ขอให้ศาลเรียกพนักงานสอบสวนและผู้ต้องหามาไต่สวนเหตุว่ามีมูลเหตุจริงเท็จเพียงใด เพื่อประกอบการใช้ดุลพินิจของศาล
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการยื่นคำร้องแล้ว ศาลเห็นควรให้เบิกตัวนายปิยรัฐ ผู้ต้องหาที่ 1 จากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ และหมายเรียกพนักงานสอบสวน สน.พหลโยธิน มาศาลเพื่อไต่สวนคำร้องร่วมกัน ในวันที่ 31 มี.ค. นี้ เวลา 10.00 น.