MGR Online - “ชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร” แจ้งความ ปปป.ดำเนินคดีคณะกรรมการ ป.ป.ท. หลังชี้มูลความผิดให้ออกจากราชการ คดีบุกเผาหมู่บ้านกะเหรี่ยง “ปู่คออี้” มองเป็นการกลั่นแกล้ง
วันนี้ (1 มี.ค.) เวลา 11.30 น. ที่กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 9 อุบลราชธานี กรมอุทยานแห่งชาติฯ อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี เดินทางเข้าพบ ร.ต.อ.ภูสิทธิ์ บุตรแสง รอง สว.(สอบสวน) บก.ปปป. เพื่อแจ้งความดำเนินคดีต่อคณะกรรมการป้องกันและปรามปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ชุดทำคดีนายชัยวัฒน์ และเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติ รวม 6 คน รื้อถอนเผาทำลายบ้านเรือน ยุ้งฉาง และทรัพย์สินอื่นๆ ของนายโคอิ หรือคออี้ มีมิ ชาวกะเหรี่ยงแก่งกระจานและบ้านอีกหลายหลัง โดยให้ออกราชการ
นายชัยวัฒน์กล่าวว่า หลังจากคณะกรรมการ ป.ป.ท.มีมติชี้มูลความตนในฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตาม ม.157 และมีมติให้ออกจากราชการนั้น เหมือนเป็นการแช่แข็งให้หยุดทำงาน ซึ่งระหว่างศาลจะมีคำพิพากษาตนคงเกษียณอายุราชการไปแล้ว โดยตนเองมองว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม เนื่องจาก ป.ป.ท.สอบสวนโดยมิชอบ ขาดข้อมูลที่เพียงพอ และกล่าวหาตนเป็นคนเผาหมู่บ้านตั้งแต่แรก ยืนยันว่าตนมีหลักฐานสามารถชี้แจงได้ ส่วนกรณี “บิลลี่” นายพอละจี รักจงเจริญ แกนนำชุมชนกะเหรี่ยงบ้านโป่งลึก-บางกลอย ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) รับเป็นคดีพิเศษนั้นก็พบว่า ป.ป.ท.มีความเกี่ยวข้องด้วยในการเชื่อมโยงหลักฐาน ทั้งนี้ เมื่อช่วงเช้าตนพร้อมทีมกฎหมายเดินทางไป ป.ป.ท.เขต 7 จ.นครปฐม เพื่อสอบถามข้อมูลและบอกว่าส่งไปยังบอร์ด ป.ป.ท.ชุดใหญ่แล้ว พร้อมปฏิเสธบอกรายละเอียด
นายชัยวัฒน์กล่าวอีกว่า สำหรับคดีเผาบ้าน “ปู่คออี้” พ่อเฒ่ากะเหรี่ยงบ้านบางกลอย พร้อมบ้านอีก 98 หลังนั้น ตนขอชี้แจงว่าชุดปฏิบัติได้เผาทำลายหมู่บ้านทางจังหวัดภาคเหนือ เนื่องจากเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นได้พบกลุ่มคนพกพาอาวุธ และยาเสพติด ซึ่งไม่ทราบฝ่ายจึงต้องเผาทำลาย ส่วนหมู่บ้านของ “ปู่คออี้” อยู่ที่ห้วยสามแพร่ง จ.ราชบุรี รวมทั้งไม่มีการเผาทำลายแต่อย่างใด เพราะเป็นสถานที่คนละแห่งกัน และมาสรุปกล่าวหาพวกตนเป็นคนผิด
“ผมปฏิบัติหน้าที่เพื่อแผ่นดินมาตลอดการรับราชการ จับกุมพวกค้าสัตว์ป่า ค้าไม้ ซึ่งการชี้มูลความผิดนั้นกระทบต่อขวัญกำลังใจเจ้าหน้าที่ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่ได้รับหนังสือชี้แจ้งทางหน่วยงานต้นสังกัดให้ออกจากราชการ ถือว่ายังต้องปฏิบัติหน้าที่อยู่ ทั้งนี้ มาแจ้งความเอาผิดต่อคณะกรรมการ ป.ป.ท.ชุดดังกล่าว ตามความผิด ม.157 และ ม.200 วรรคสอง พร้อมนำหลักฐานเป็นเอกสารการเสนอข่าวตามสื่อต่างๆ มามอบให้เจ้าหน้าที่” นายชัยวัฒน์กล่าว