MGR Online - อธิบดีดีเอสไอ พร้อมคณะ ตรวจสอบพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ จ.เพชรบุรี หลังบริษัทเอกชนอ้างเอกสารสิทธิหลอกขายบ้านหรูแก่ชาวต่างชาติ เสียหายนับหมื่นล้านบาท
สืบเนื่องจาก นายศรีสุวรรณ จรรยา อุปนายกและเลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ปฏิบัติหน้าที่นายกสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย พาผู้เสียหายซึ่งเป็นชาวต่างชาติ เข้าร้องทุกข์ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) หลังถูกบริษัท นิว นอร์ดิค ดีเวลล็อปเมนท์ จำกัด หลอกขายอาคารชุดในโครงการ “Phetchaburi Park Project” แต่ปรากฏว่า ที่ดินทั้งหมดอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่ายางหัก-เขาปุ้ม จ.เพชรบุรี
วันนี้ (10 ก.พ.) เวลา 10.30 น. พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร อธิบดีดีเอสไอ พร้อมด้วย พ.ต.ท.สุภัทธ์ ธรรมธนารักษ์ รองอธิบดีดีเอสไอ และเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบที่ดินโครงการ “Phetchaburi Park Project” ซึ่งประกอบด้วย โรงแรม คอนโดมิเนียม บ้านเดี่ยว สวนอาหาร และสวนน้ำ ในพื้นที่กว่า 555 ไร่เศษ ตั้งอยู่ที่ ต.ไร่โคก อ.บ้านลาด จ.เพชรบุรี ในที่ดินมีเอกสารเป็นหนังสือรับรองการทำประโยชน์
พ.ต.ท.กรวัชร์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบที่ดินในโครงการทั้งหมดมีเอกสารหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) ทั้ง 21 แปลง อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่ายางหัก-เขาปุ้ม ทั้งหมด รวมกว่า 499 ไร่เศษ ซึ่งที่บริษัทดังกล่าวได้หลอกขายและชาวต่างชาติได้จ่ายเงินให้กับบริษัทแล้ว แต่โครงการกลับไม่มีความคืบหน้า พบเพียงเศษซากของอาคารสำนักงานขายที่ถูกทุบทิ้งและรื้อถอนออกไปแล้ว จากนี้จะประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้ง กรมที่ดิน-กรมป่าไม้ เพิกถอนเอกสารสิทธิ 21 ฉบับ โดยมิชอบด้วยกฎหมาย เพราะการออกเอกสารในพื้นที่ป่าสงวนไม่สามารถออกได้ตามขั้นตอนอยู่แล้ว ทั้งนี้ จะดำเนินการสืบสวนสอบสวนเพื่อเอาผิดกับบริษัทดังกล่าว ทั้ง ผู้ถือหุ้นที่แท้จริง ผู้ที่เป็นนอมินี และผู้ที่ออกเอกสารหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) ทั้ง 21 ฉบับ ในความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน
พ.ต.ท.กรวัชร์ กล่าวอีกว่า ส่วนของผู้เสียหายที่ได้รวบรวมหลักฐานมาแจ้งกับดีเอสไอ พบว่า มีมูลค่าความเสียหายเบื้องต้นประมาณ 2,000-3,000 ล้านบาท แต่จากข้อมูลผู้เสียหายคาดว่าจะมีมูลค่าความเสียหายนับหมื่นล้านบาท ซึ่งต้องมีการรวบรวมข้อมูลและหลักฐาน รวมถึงจำนวนของผู้เสียหายมาประกอบการดำเนินคดีอีกครั้งเพื่อความชัดเจน อย่างไรก็ตาม สำหรับบริษัทดังกล่าว ทางดีเอสไอจะดำเนินการตรวจสอบโครงการอื่นๆ ที่มีลักษณะใกล้เคียงกับโครงการนี้เพื่อตรวจสอบอีกครั้งว่าถูกต้องตามขั้นตอนทางกฎหมายหรือไม่ หรือมีการดำเนินการในลักษณะคล้ายกับโครงการนี้ซึ่งหากพบว่ามีการกระทำความผิด ขั้นตอนทางกฎหมายก็จะดำเนินการทางคดีต่อไป