MGR Online -“รมว.ยุติธรรม-ป.ป.ส.-UNODC” ร่วมแถลงตรวจยึดเฮโรอีนล็อตใหญ่เตรียมส่งออก 214 กก. มูลค่า 1,070 ล้านบาท แจงประเทศกลุ่มลุ่มน้ำโขงพบสารเคมีตัวใหม่ 3 ชนิดระบาดใช้ผลิตยาเสพติด
วันนี้ (4 ก.พ.) เวลา 14.00 น. ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม (รมว.ยธ.) เป็นประธานแถลงข่าวเปิดตัวรายงานลักลอบค้าสารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง เพื่อประโยชน์การปราบปรามสารตั้งต้นและยาเสพติดลุ่มแม่น้ำโขง และ UNODC ได้สนับสนุนอุปกรณ์ตรวจวิเคราะห์ยาเสพติดโดยใช้เทคนิค Raman Spectroscopy แบบพกพาแก่สํานักงาน ป.ป.ส.
โดยมีนายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการ ป.ป.ส. พร้อมด้วยนายเจเรมี ดักลาส ผู้แทนจากสํานักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (UNODC) ประจําภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และแปซิฟิก สํานักงานตํารวจแห่งชาติ กรมศุลกากร เจ้าหน้าที่ตํารวจ ศุลกากรจากนานาชาติ เช่น ญี่ปุ่น เยอรมนี นิวซีแลนด์ แคนาดา เกาหลีใต้ อเมริกา ออสเตรเลีย และสหภาพยุโรป เข้าร่วมงาน
นายสมศักดิ์กล่าวว่า ที่ผ่านมาตนได้เข้าร่วมการประชุมกับรัฐมนตรีของ 6 ประเทศในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง และได้ประกาศ “ปฏิบัติการร่วมสามเหลี่ยมทองคํา 1511” ที่มุ่งเน้นการยกระดับการป้องกันและสกัดกั้นสารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ โดยปีงบประมาณ 2563 ที่ผ่านมาสามารถจับยึดสารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ได้เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 67 และสามารถทําลายแหล่งผลิตยาเสพติดได้อย่างต่อเนื่อง แนวโน้มการจับกุมสารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ที่เพิ่มนี้ เป็นข้อบ่งชี้ที่สําคัญที่แสดงให้เห็นว่าปัญหายาเสพติดในปัจจุบันมีพัฒนาการที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม คือ เปลี่ยนจากยาเสพติดจากพืชเป็นยาเสพติดประเภทสังเคราะห์ หรือการใช้สารเคมีที่ไม่ได้อยู่ภายใต้การควบคุมในระบบระหว่างประเทศเพิ่มมากขึ้น
“ดังนั้น UNODC จึงได้ทําการศึกษาวิจัยแนวทางการกํากับดูแลและควบคุมสารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ โดยพบสารตัวใหม่ 3 ชนิด คือ Phenyl-2-Propanone, กาเฟอีน, Propionyl chloride ในประเทศอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ได้แก่ กัมพูชา จีน สปป.ลาว เมียนมา ไทย และเวียดนาม และจัดทําเป็นรายงานลักลอบค้าสารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง”
นายสมศักดิ์กล่าวอีกว่า โดย UNODC ยังให้การสนับสนุนอุปกรณ์ตรวจวิเคราะห์ยาเสพติดสารตั้งต้น และสารเพิ่มปริมาณต้องสงสัยโดยใช้เทคนิค RamanSpectroscopy แบบพกพาแก่สํานักงาน ป.ป.ส. เพื่อช่วยให้เจ้าหน้าที่ตรวจวิเคราะห์หาสารเสพติดเบื้องต้นและสารที่อยู่ภายใต้การควบคุมหลายชนิดได้อย่างปลอดภัย แม่นยํา และรวดเร็วกว่าการตรวจพิสูจน์ด้วยวิธีเดิม โดยในสหรัฐอเมริกาถือว่าผลการตรวจพิสูจน์ยาเสพติดเบื้องต้นด้วยวิธีดังกล่าวเป็นหนึ่งในหลักฐานประกอบการพิจารณาคดีในชั้นศาลได้ ปัจจุบันเครื่องตรวจวิเคราะห์ยาเสพติดแบบพกพาถูกยังใช้ในการตรวจพิสูจน์ยาเสพติดในหลายประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น อังกฤษ เป็นต้น
นอกจากนี้ นายสมศักดิ์เปิดเผยกรณีการจับกุมเฮโรอีน น้ำหนัก 214 กิโลกรัม ว่าเป็นผลงานความร่วมมือในการสืบสวนของสํานักงาน ป.ป.ส., บช.ปส., ศุลกากร, ศูนย์รักษาความปลอดภัย กองบัญชาการกองทัพไทย และกองทัพเรือซึ่งเป็นหน่วยงานภายใต้โครงการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดที่ร่วมกันสืบสวนจนทราบว่าจะมีการลักลอบส่งยาเสพติดผ่านทางเรือไปยังต่างประเทศ กระทั่งพบผู้ต้องสงสัยขับรถนํากล่องพัสดุไปรษณีย์ขนาดใหญ่ จํานวน 25 กล่อง มาส่งที่บริษัทชิปปิ้งแห่งหนึ่งเพื่อเตรียมส่งออกนอกประเทศ จึงตรวจสอบพัสดุดังกล่าวด้วยเครื่องเอกซเรย์พบวัตถุต้องสงสัยซุกซ่อนอยู่ภายในกรอบรูป เมื่อนํามาตรวจสอบพบว่าเป็นเฮโรอีน น้ำหนัก 214 กิโลกรัม ซึ่งถ้าเฮโรอีนดังกล่าวถูกส่งไปยังประเทศปลายทางจะมีมูลค่าถึง 1,070 ล้านบาท และจากการตรวจสอบบุคคลในเครือข่ายดังกล่าวพบมีความเชื่อมโยงกับเครือข่ายนักค้ายาเสพติดระหว่างประเทศรายสําคัญซึ่งสํานักงาน ป.ป.ส.จะทําการสืบสวนขยายผลนําบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งหมดมาลงโทษ และทําการยึดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการกระทําผิดทั้งหมดต่อไป
นายสมศักดิ์เผยอีกว่า ตนขอขอบคุณทุกหน่วยงานทั้งในประเทศและต่างประเทศที่ร่วมมือกันในการปราบปรามยาเสพติด สิ่งสำคัญในการจับกุมนอกจากปริมาณแล้วการขยายผลไปสู่การยึดสารตั้งต้นเป็นสิ่งที่สำคัญ นอกจากนี้ เรายังมีวิธีการปราบปรามรูปแบบใหม่ คือ การยึดทรัพย์ตัดวงจรเครือข่ายยาเสพติด ที่เราต้องมีเครื่องมือและกฎหมายในการดำเนินการ ขณะนี้การแก้ประมวลกฎหมายยาเสพติดอยู่ในการพิจารณาของสภาแล้ว คาดว่าอีกไม่นานจะเสร็จ รวมถึงตัวชี้วัดผลงานของหน่วยงานต่างๆ จากเดิมที่เราดูที่จำนวนยาที่จับได้ จะต้องมีการเปลี่ยนแปลงไปดูที่การขยายผลการจับกุม จำนวนเงินที่สืบสวนขยายผลจนยึดได้ด้วย สิ่งต่างๆ เหล่านี้ตนเชื่อว่าจะทำให้การป้องกันและปราบปรามยาเสพติดมีประสิทธิภาพมากขึ้น