xs
xsm
sm
md
lg

รมว.ยธ.แจง “กระท่อม” ยังผ่านกฎหมายไม่สมบูรณ์ ห้ามใช้เสรี คาดแล้วเสร็จ มิ.ย.นี้

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม



MGR Online -สมศักดิ์” เตือนประชาชน “พืชกระท่อม” ยังไม่ปลดล็อกนำมาใช้เสรีไม่ได้ รอผลทางกฎหมายเดือน มิ.ย. 64 พร้อมให้ความรู้ชาวบ้านในทางที่ถูก

วันนี้ (29 ม.ค.) นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม (รมว.ยธ.) กล่าวถึงร่าง พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่...) พ.ศ. ... ที่ผ่านการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรแล้วว่า พ.ร.บ.ฉบับนี้หลักสำคัญ คือ การนำพืชกระท่อมออกจากบัญชียาเสพติดและยกเลิกโทษทั้งหมด ตอนนี้ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ต้องใช้เวลาอีกเล็กน้อยเพราะต้องผ่านการพิจารณาของวุฒิสภา และส่งให้รัฐบาลนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย และโปรดเกล้าฯ ประกาศในราชกิจจานุเบกษา และจะมีผลบังคับใช้หลังจากประกาศในราชกิจจาฯ 90 วัน ตรงนี้เพื่อให้การร่างกฎหมายรอง คือ พ.ร.บ.พืชกระท่อมเสร็จสมบูรณ์ด้วย

นายสมศักดิ์กล่าวอีกว่า ขณะนี้ พ.ร.บ.พืชกระท่อมผ่านการพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) แล้ว อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกา เชื่อว่าอีกไม่นานน่าจะเข้าสู่การพิจารณาของสภาได้ ตนยังตอบไม่ได้อย่างชัดเจนว่ากฎหมายปลดล็อกพืชกระท่อมจะใช้ได้อย่างสมบูรณ์เมื่อใด แต่หากประเมินคร่าวๆ ตามขั้นตอนน่าจะประมาณเดือน มิ.ย. และหากทำกฎหมายรองไม่ทัน ประชาชนจะไม่สามารถใช้พืชกระท่อมได้อย่างเสรี ซึ่งกฎหมายรองจะกำหนดว่าใช้ได้อย่างไรบ้าง และมีข้อกำหนดที่ห้ามเด็กและเยาวชนนำไปใช้ด้วย และหากใครจะปลูกต้องแจ้งให้ผู้นำชุมชนหรือภาครัฐทราบ โดยตั้งใจให้ปลูกได้ไม่เกินครัวเรือนละ 3 ต้น ให้ใช้ตามวิถีชีวิต ซึ่งพี่น้องประชาชนน่าจะพอใจ

นายสมศักดิ์กล่าวต่อว่า หากประชาชนจะปลูกเยอะๆ ก็ทำได้ แต่ต้องขออนุญาตเพราะมีพืชเกษตรหลายชนิด ถ้าปลูกแล้วปริมาณความต้องการน้อยกว่าปริมาณที่ปลูกจะทำให้ราคาตก และหากจะปลูกแล้วขายไม่ได้จะมาเรียกร้องให้รัฐบาลสนับสนุนคงไม่ได้ เราอาจจะทำเป็นยาสมุนไพร ยาแก้ปวดแทนมอร์ฟีน ที่หลายประเทศผลิตออกขาย ได้เงินถึง 5 แสนล้านบาทต่อปี ซึ่งพืชกระท่อมจากการศึกษามีผลระงับอาการปวดที่ดีกว่ามอร์ฟีน หรือนำมาผลิตเป็นยาชูกำลัง ทำให้เป็นที่ต้องการของตลาด แต่วันนี้เรายังไม่แน่ใจว่าปลูกแล้วส่งออกจะทำได้ดีขนาดไหน ดังนั้น ต้องมีการควบคุมการปลูกไม่ให้มากเกินเหมือนยางพาราที่ปลูกกันมากจนทำให้ยางพารามีราคาถูก เกษตรกรเดือดร้อนมาก

นายสมศักดิ์กล่าวเพิ่มเติมว่า ที่ผ่านมาตนลงพื้นที่พบชาวบ้านหลายแห่ง โดยเฉพาะพื้นที่ภาคใต้ ส.ส.หลายท่านบอกว่ากระท่อมเป็นพืชประจำถิ่น และเป็นที่นิยมของเกษตรกรและผู้ใช้แรงงานจะใช้เครื่องดื่มชูกำลังก็ราคาแพง อย่างบ้านนาสาร จ.สุราษฎร์ธานี ปลูกกันมากและเป็นพื้นที่ตัวอย่างว่ากระท่อมเป็นส่วนสำคัญของวิถีชีวิต และผู้คนที่ใช้กันมา 20-30 ปี ก็ไม่ได้มีผลกระทบต่อร่างกาย จึงคิดว่าเป็นพืชที่อยู่ใกล้ชิดกับวิถีของชุมชน การทำกฎหมายกระท่อมไม่น่าจะยาก และจากการได้พบอดีตประธานศาล อดีตอัยการ ท่านก็บอกว่าเป็นเรื่องที่ดีเพราะเป็นคดีที่รกศาล เพราะปีๆ หนึ่งมีเป็นหมื่นคดี ค่าใช้จ่ายในคดีเป็นร้อยๆ ล้าน ตรงนี้จะช่วยลดคดีและค่าใช้จ่ายต่างๆ ได้อย่างมาก

“พ.ร.บ.กระท่อมที่กำหนดขึ้นมา ให้มีข้อบังคับเพื่อความเป็นระเบียบ เรารับฟังความเห็นของประชาชน รับทราบข้อห่วงใยมาโดยตลอดจึงต้องหาทางป้องกันให้ดีที่สุด ในส่วนของเยาวชนที่ผมให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก ซึ่งเวลานี้ได้ให้ ป.ป.ส.เร่งวางแผนทำความเข้าใจกับชาวบ้านในทุกชุมชนของภาคใต้ ทุกอย่างไม่ได้มีข้อดีหรือข้อเสีย 100 เปอร์เซ็นต์ ที่ผ่านมามีการพยายามปลดล็อกหลายครั้งแต่ไม่สำเร็จ ในครั้งนี้ผมทำการบ้านอย่างหนักและทำงานอย่างบูรณาการอย่างครบถ้วน และผมเห็นว่าประโยชน์ที่ได้กับประชาชนจริงๆ ผมจึงพยายามเดินหน้าอย่างเต็มที่” รมว.ยธ.กล่าว

นายสมศักดิ์กล่าวทิ้งท้ายว่า ขอฝากบอกพี่น้องประชาชนในช่วงที่กฎหมายยังไม่เรียบร้อย หากใช้อาจจะถูกปรับ ถูกจับ ต้องอธิบายว่ากฎหมายผ่านสภาไปแล้ว แต่ต้องรอหลังประกาศในราชกิจจานุเบกษา 90 วันถึงจะใช้ได้โดยไม่ถูกจับ ดังนั้น อย่าเพิ่งไปขยับอะไรมาก แต่หากมีต้นที่ปลูกอยู่แล้วคงต้องพูดคุยกัน หากตำรวจเข้าใจอาจจะมีการผ่อนปรนให้ ทั้งนี้ ที่ผ่านมาจากสถิติอุบัติเหตุหรือการทะเลาะวิวาท ไม่เคยมีพืชกระท่อมเข้าไปเกี่ยวข้อง แม้ว่าปีหนึ่งจะมีคดีที่เกี่ยวกับกระท่อมเป็นหมื่นๆ คดีก็ตาม
กำลังโหลดความคิดเห็น