MGR Online - “วัชระ” อดีต ส.ส.ปชป.บุกกองปราบปรามจี้ความคืบหน้าคดี “น้องชายธนาธร” ติดสินบน จนท.สำนักทรัพย์สิน ให้ขยายผลเอาผิด “แม่-ธนาธร” หลังพบเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่บริษัทเจ้าปัญหา
วันนี้ (25 ม.ค.) ที่กองปราบปราม เมื่อเวลา 10.00 น. นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.เสวก บุญจันทร์ ผกก.กลุ่มงานสอบสวน บก.ป. เพื่อยื่นหนังสือสอบถามความคืบหน้าคดีนายสกุลธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท เรียลแอสเสท ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด น้องชายนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า กรณีจ่ายเงินสินบนให้เจ้าหน้าที่สำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ 20 ล้านบาท แลกกับการได้สิทธิเช่าที่ดินระยะยาว บริเวณองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย ย่านชิดลม
นายวัชระกล่าวว่า วันนี้นำสำเนาคำพิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง และสำเนาข้อมูลผู้ถือหุ้นบริษัท เรียลแอสเสท ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด มาประกอบการติดตามความคืบหน้าคดีดังกล่าว หลังเรื่องผ่านมานานกว่า 2 ปี และศาลตัดสินจำคุกนายประสิทธิ์ อภัยพลชาญ อดีตเจ้าหน้าที่สำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ กับนายสุรกิจ ตั้งวิทูวณิช พนักงานบริษัทเอกชน 2 ผู้ต้องหาในสำนวนคดีแรก คือ เรียกรับสินบน เป็นเวลา 3 ปีไปแล้ว แต่จนถึงตอนนี้ยังไม่มีความคืบหน้าในคดีผู้ให้สินบน ทั้งที่มีหลักฐานว่านายสกุลธรได้จ่ายเงินสินบนไปบางส่วนแล้วจำนวน 20 ล้าน จากที่ตกลงกันไว้ 500 ล้านบาท โดยในจำนวนเงิน 20 ล้านที่จ่ายไปก่อนหน้านั้นเป็นการแบ่งจ่าย 3 งวด งวดแรกเป็นการสั่งจ่ายเช็คเงินสด 5 ล้านบาท โดยออกเช็คในนามของบริษัท เรียลแอสเสทฯ ดังนั้น การกระทำดังกล่าวจึงไม่ใช่ความผิดส่วนตัวของนายสกุลธรเท่านั้น จึงอยากให้กองปราบปรามเร่งดำเนินคดีแจ้งข้อหาต่อนายสกุลธร พร้อมทั้งตรวจสอบอีกว่ามีผู้บริหารของบริษัทดังกล่าวรายอื่นๆ ร่วมรู้เห็นหรือเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดด้วยหรือไม่ เนื่องจากการสั่งจ่ายเช็คในนามบริษัทที่มีมูลค่ามากขนาดนั้นปกติแล้วบริษัทอื่นๆ ทั่วไปจะต้องได้รับการอนุมัติจากผู้บริหารคนอื่นๆ ด้วยนั่นเอง
นายวัชระกล่าวอีกว่า สำหรับบริษัทดังกล่าวนั้น จากการตรวจสอบทราบว่ามีชื่อผู้ถือหุ้นบริษัทรวม 7 คน โดยมีนางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ ผู้เป็นแม่ถือหุ้นอยู่ในลำดับที่ 1 และนายธนาธรเป็นผู้ถือหุ้นลำดับที่ 2 ขณะที่นายสกุลธรถือหุ้นอยู่ในลำดับที่ 6 ส่วนการที่ก่อนหน้านี้นายสกุลธรออกมากล่าวอ้างว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนั้นตนเองก็ถือเป็นผู้เสียหายคนหนึ่งในคดีดังกล่าวเนื่องจากถูกหลอกเอาเงินจาก 2 ผู้ต้องหาในคดีแรกนั้น การกล่าวอ้างเช่นนั้นตนกลับตั้งข้อสังเกตว่าหากเป็นผู้เสียหายถูกหลอกจริง เหตุใดจึงไม่แจ้งความดำเนินคดีต่อผู้ต้องหาทั้ง 2 รายแรก