ศาลอาญาพระโขนงนัดพิพากษาคดีสะเทือนขวัญ “พ.ต.ท.บรรยิน” อดีต รมว.พานิชย์คนดัง ขับรถยนต์ประสบเหตุชนต้นไม้ ทำให้ “เสี่ยชูวงษ์” เสียชีวิตปริศนา 20 ม.ค.นี้
วันนี้ (19 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คดีที่นางศิริรัตน์ แซ่ตั๊ง ภรรยานายชูวงษ์ และพนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญาพระโขนง ยื่นฟ้อง พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นจำเลยฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนและกระทำโดยเอาประโยชน์ที่ตนได้กระทำความผิดอื่นหรือเพื่อปกปิดความผิดอื่นของตนเพื่อเลี่ยงให้พ้นคดีอาญา ตาม ป.อาญา มาตรา 289 (4) (7) กรณีเมื่อปี 2558 จำเลยได้หลอกลวงนายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง อายุ 55 ปี นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ มาจากบ้านแล้วพาไปที่สนามไดรฟ์กอล์ฟเพื่อประทุษร้ายจนเสียชีวิตก่อนจัดฉากว่าเป็นการเสียชีวิตโดยอุบัติเหตุในรถยนต์ Lexus สีดำ ทะเบียน ภช 11 889 กรุงเทพมหานคร โดยให้นายชูวงษ์นั่งข้างคนขับ แต่ต่อมาการสืบสวนพบว่าไม่น่าจะเกิดจากอุบัติเหตุแต่เป็นการฆาตกรรม โดยมีสาเหตุมาจากจำเลยเกรงว่าผู้ตายจะรู้เรื่องการปลอมและการโอนหุ้นในบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์แห่งหนึ่ง ทำให้นายชูวงษ์เสียหายเป็นเงิน 263 ล้านบาทเศษนั้น
คดีร่วมกันฆ่าผู้อื่นดังกล่าว เริ่มมาจากนางศิริรัตน์ ภรรยาผู้ตายได้ยื่นฟ้อง พ.ต.ท.บรรยิน ด้วยตัวเองเมื่อปี 2560 โดยนำวิศวกรยานยนต์ และแพทย์มาเบิกความในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง จนกระทั่งศาลประทับรับฟ้องว่าคดีมีมูลเป็นคดีการฆาตกรรม ระหว่างนั้นสำนักงานอัยการสูงสุดก็ได้พิจารณาสำนวนจากพนักงานสอบสวนกองปราบปราม และในที่สุดก็ได้มีคำสั่งฟ้อง พ.ต.ท.บรรยินในความผิดเดียวกัน ต่อมาศาลอาญาพระโขนงจึงได้รวมการพิจารณาคดีเข้าด้วยกัน เป็นสำนวนคดีดำที่ อ.1951/2561 และทำการสืบพยานโจทก์ต่อไปหลายปาก ฝ่ายจำเลยนำสืบ อีกหลายปากจนแล้วเสร็จศาลจึงนัดฟังคำพิพากษาในวันพุธที่ 20 ม.ค. 2564 เวลา 09.00 น.
โดยในวันพรุ่งนี้ศาลจะไม่เบิกตัว พ.ต.ท.บรรยิน มาจากเรือนจำบางขวาง เนื่องจากเป็นคดีอุกฉกรรจ์ เกรงเรื่องความปลอดภัย ประกอบกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 แต่จะถ่ายทอดภาพและเสียงการอ่านคำพิพากษาขององค์คณะผู้พิพากษาจากศาลอาญาพระโขนงไปยังเรือนจำบางขวาง ทางระบบ Video Conference แต่อนุญาตให้ติดตามฟังคำพิพากษาได้ที่ห้องพิจารณาคดี โดยต้องปฏิบัติตามระเบียบมาตรการการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อย่างเคร่งครัด
สำหรับคดีนี้สืบเนื่องจาก พ.ต.ท.บรรยิน กับนายชูวงษ์เป็นเพื่อนสนิทและร่วมทำธุรกิจกันมานานมีการพบปะสังสรรค์และไปตีกอล์ฟด้วยกันอยู่เป็นประจำ ต่อมา พ.ต.ท.บรรยินอยากได้หุ้นของนายชูวงษ์จึงให้หญิงสาวคนสนิทสองคน คือ น.ส.อุรชา วชิรกุลฑล หรือ “ป้อนข้าว” อาชีพโบรกเกอร์ และ น.ส.กัญฐณา สิวาธนพล หรือ “น้ำตาล” อดีตพริตตี้ เพื่อนสาวคนสนิทปลอมและโอนใบหุ้นจำนวน 2 รายการของนายชูวงษ์ที่มีอยู่ในบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์แห่งหนึ่งออกมาให้แก่บุคคลต่างๆ โดย พ.ต.ท.บรรยินได้แอบอ้างตัวว่าเป็นนายชูวงษ์ จนโอนหุ้นออกมาสำเร็จ จนกระทั่งกลางปี 2558 พ.ต.ท.บรรยินเกรงว่าบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์จะรายงานการโอนหุ้นประจำปีให้นายชูวงษ์ทราบ จึงได้ออกอุบายชวนนายชูวงษ์มาไดรฟ์กอล์ฟและรับประทานอาหารที่สนามไดรฟ์กอล์ฟบางนา แล้วรับอาสาจะขับรถไปส่ง แต่จัดฉากว่าเป็นอุบัติเหตุชนต้นไม้ยูคาลิปตัสที่ถนนเฉลิมพระเกียรติ ร.9 ระหว่างซอย 48 ถึง 50 ทำให้นายชูวงษ์เสียชีวิต
อย่างไรก็ตาม ระหว่างถูกดำเนินคดีฆ่าเสี่ยชูวงษ์ พ.ต.ท.บรรยิน ผู้ต้องหายังถูกศาลพิพากษาอีก 2 คดี คือ ศาลอาญากรุงเทพใต้พิพากษาคดีปลอมและโอนหุ้น ให้จำคุก น.ส.กัญฐณา เป็นเวลา 4 ปี จำคุก น.ส.อุรชา เป็นเวลา 4 ปี จำคุก พ.ต.ท.บรรยิน เป็นเวลา 8 ปี ส่วนจำเลยอื่นยกฟ้อง และศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง พิพากษาประหารชีวิต และสารภาพลดโทษเหลือจำคุกตลอดชีวิต ในคดีอุ้มฆ่าพี่ชาย น.ส.พนิดา ศกุนตะประเสริฐ ผู้พิพากษาศาลอาญากรุงเทพใต้ อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาคดีทุจริต ได้ทำความเห็นแย้งว่าควรจะพิพากษาให้ประหารชีวิต เพราะ พ.ต.ท.บรรยินสารภาพเพราะจำนนต่อพยานหลักฐานของเจ้าพนักงานตำรวจ