ถอนหมุดข่าว
ล่วงเลยมานานเกือบ 5 ปี หลังนักธุรกิจรับเหมาก่อสร้างหมื่นล้าน เกิดอุบัติเหตุเสียชีวิต พบร่องรอยการเกิดอุบัติเหตุตามพื้นถนนสภาพต้นไม้ และสภาพความเสียหายของรถยนต์ จนถึงผลการชันสูตรพลิกศพ สาเหตุการชีวิตของนายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง หรือเสี่ยจืด เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2558
พบพิรุธหลายอย่างจนญาติได้ร้องต่อตำรวจกองปราบปรามให้ตรวจสอบ โดยพุ่งเป้าไปที่ พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากร อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ผู้ขับรถคันเกิดเหตุมาพร้อม “เสี่ยจืด” แต่กลับไม่ได้รับบาดเจ็บ
การเสียชีวิตปริศนาของเสี่ยจืด ถูกมุ่งประเด็นเป็น “ฆาตกรรมอำพราง” เนื่องจากก่อนหน้านี้ เสี่ยจืดได้โอนหุ้นมูลค่ารวมกว่า 300 ล้านบาท ไปให้หญิงสาว 2 คนก่อนเสียชีวิตเพียง 7 วัน โดยพบพิรุธลายเซ็นการโอนหุ้น 3 ตัวมูลค่า 40 ล้านบาท ระบุชื่อผู้โอนหุ้นผิด เป็น “ชูวงษ์ แซ่ตั๋ง” แต่นามสกุลที่ถูกต้องคือ “แซ่ตั๊ง”
ไปจนถึงการโอนหุ้นจำนวน 228 ล้านบาท ให้ น.ส.กัญฐณา ศิวาธนพล พริตตี้สาว จนต้องมาพบพนักงานสอบสวนกองปราบปรามพร้อมทนายเพื่อให้ปากคำเรื่องการโอนหุ้นทั้งหมด
ต่อมา พ.ต.ท.บรรยิน ได้ก่อเหตุซ้ำอีก คือ คดีการโอนหุ้นที่มีผู้พิพากษาสาวเป็นผู้ตัดสินคดีนี้ ถูกโทรศัพท์ปริศนาโทร.เข้าข่มขู่ให้ยกฟ้องคดีโอนหุ้นของเสี่ยจืด หลังจากมีคนร้าย 4 คนร่วมกันลักพาตัวพี่ชายผู้พิพากษา จากบริเวณหน้าศาลอาญากรุงเทพใต้ บังคับให้พี่ชายของผู้พิพากษาช่วยเหลือคดี ก่อนทำร้ายร่างกายระหว่างทางจนเสียชีวิตในที่สุด พร้อมนำศพไปทิ้งแม่น้ำเจ้าพระยา ท้ายที่สุดจากผลการสอบสวนพบว่าฆาตกรรมโดยการนำศพไปยังนั่งยางเผาภายในไร่ของพี่สาว พ.ต.ท.บรรยิน ที่ อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์ เหตุเกิดก่อนที่จะมีการสืบพยานโจทก์-จำเลย และฟังคำพิพากษาในคดีโอนหุ้นของเสี่ยจืดที่ศาลอาญากรุงเทพใต้เพียง 1 เดือน
แม้จะมีการรวบรวมพยานหลักฐานขอศาลอาญาอนุมัติหมายจับ พ.ต.ท.บรรยิน ที่ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีการโอนหุ้น แต่เจ้าตัวยังปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา ส่วนคดีฆาตกรรมอำพรางนั้น ตำรวจกองปราบปรามสืบสวนจนมีหลักฐานเชื่อได้ว่ามีการใช้ของแข็งทุบตีเสี่ยจืดจนเสียชีวิตก่อนจัดฉากให้เป็นอุบัติเหตุ
กระทั่ง 23 กุมภาพันธ์ 2563 ตำรวจกองปราบปรามพร้อมชุดหนุมาน เข้าคุมตัว พ.ต.ท.บรรยิน เพื่อสอบปากคำหลังตกเป็นผู้ต้องหาในคดีฆาตกรรมพี่ชายของผู้พิพากษาจากการซัดทอดของ 1 ใน 4 คนร้าย
โดยขณะที่มีการสอบปากคำ บุตรชายได้เดินทางมาเยี่ยมผู้เป็นพ่อที่กองปราบปราม พร้อมยืนยันเชื่อมั่นว่าพ่อของตนเองนั้นเป็นผู้บริสุทธิ์ และ พ.ต.ท.บรรยินก็ปฏิเสธไม่เกี่ยวข้องคดีอุ้มฆ่าพี่ชายผู้พิพากษาดังกล่าว
โดยคดีนี้ เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2563 ศาลพิพากษาให้ประหารชีวิต พ.ต.ท.บรรยิน พร้อมพวก 5 คน ที่ร่วมกันก่อเหตุอุ้มฆ่าพี่ชายผู้พิพากษา แต่ พ.ต.ท.บรรยิน ให้การเป็นประโยชน์ลดโทษ 1 ใน 3 ทุกข้อหาคงจำคุกจำเลยที่ 1 ทั้งสิ้นตลอดชีวิตสถานเดียว
ทั้งหมดนี้จึงทำให้ พ.ต.ท.บรรยิน ตกเป็นผู้ต้องหาแล้วรวม 4 คดี คือ 1. ปลอมเอกสารสิทธิ หรือการโอนหุ้นจำนวนกว่า 300 ล้านบาท, คดีฆาตกรรมอำพรางรถชน, คดีร่วมกันฟอกเงินเกี่ยวกับการโอนหุ้น 300 ล้านบาท และร่วมกันอุ้มฆ่าพี่ชายผู้พิพากษาอาวุโส
สำหรับคดีฆ่าเสี่ยจืด ในการพิจารณาคดีนั้น พ.ต.ท.บรรยิน ได้ยื่นพยานบุคคลหลายรายเพื่อให้ศาลรับพิจารณาคดี แต่เมื่อถึงช่วงพิจารณาคดีกลับไม่มีพยานคนใดแสดงตัวขึ้นเบิกความเป็นพยานตามที่ยื่นต่อศาล ทั้งพยานที่เคยให้การในชั้สอบสวนก็กลับคำให้การ ยอมถูกลงโทษในข้อหาให้การอันเป็นเท็จ
ในเวลา 09.00 น. วันพุธที่ 20 มกราคมนี้ ศาลอาญาพระโขนงได้นัดโจทก์และจำเลยในคดีฆาตกรรมอำพรางนายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง หรือเสี่ยจืด นักธุรกิจรับเหมาก่อสร้างหมื่นล้าน มาฟังคำพิพากษา
ต้องจับตาดูแล้วว่า ในศาลอาญาชั้นต้น พ.ต.ท.บรรยิน จะหลุดพ้นจากคดีฆาตกรรมเสี่ยจืด นักธุรกิจหมื่นล้านรายนี้หรือไม่ หรือจะถูกลงโทษมีความผิดฆ่าคนตายโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อน