MGR Online - ตร.รู้ตัวแล้ว 14 แก๊งซิ่งบนทางด่วนเย้ยกฎหมาย ดำเนินคดีแล้ว 1 ราย ฟันข้อหาผิด พ.ร.บ.จราจร พ่วงฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน โทษหนักคุก 2 ปี
วันนี้ (14 ม.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันและปราบปรามการแข่งรถในทาง กล่าวถึงความคืบหน้าการดำเนินคดีกับกลุ่มรถซิ่งรวมตัวกันแข่งรถบนทางด่วนเฉลิมมหานคร บริเวณหน้าเซ็นทรัลพระราม 3 มุ่งหน้าดาวคะนอง เมื่อกลางดึกวันที่ 10 ม.ค.ที่ผ่านมา ว่า จากข้อมูลที่มีการแชร์กันในโซเชียลมีเดีย ว่า มีแก๊งซิ่งกว่า 100 คัน แต่จากการตรวจสอบจากกล้องวงจรปิด พบรถซิ่งประมาณ 30 คัน ตนจึงได้สั่งการให้มีการสืบสวนดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดทั้งหมด ซึ่งขณะนี้สามารถพิสูจน์ทราบตัวบุคคลแล้ว 14 ราย และดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดแล้ว 1 ราย อยู่ระหว่างสรุปสำนวนส่งพนักงานอัยการยื่นฟ้องคดีต่อศาล จากนั้นจะทยอยออกหมายเรียกผู้กระทำผิดที่เหลือให้มารับทราบข้อกล่าว
พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวว่า ได้สั่งการให้มีการขยายผลดำเนินคดีทั้งแอดมินเพจและกองเชียร์ ในความผิดข้อหาแข่งรถในทาง มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน ปรับตั้งแต่ 2 พันบาท ถึง 1 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ส่วนรถที่ใช้ในการกระทำผิดก็จะมีการเสนอศาลให้สั่งริบ นอกจากนี้ ขณะนี้อยู่ระหว่างการประกาศใน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ซึ่งการรวมตัวในลักษณะนี้จึงเป็นการทำกิจกรรมมั่วสุมเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อ จึงดำเนินคดีในข้อหานี้ด้วย ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท หากผู้ต้องหาเป็นเยาวชนผู้ปกครองก็จะมีความผิดด้วย
“ขอเตือนไปยังผู้ที่คิดจะฉวยโอกาสในช่วงของการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ซึ่งเป็นช่วงที่ถนนโล่ง มารวมตัวแข่งรถ ขอให้เลิกเสีย เพราะตำรวจมีทีมงานที่เข้มแข็งคอยติดตามความเคลื่อนไหวของกลุ่มแก๊งซิ่ง การรวมตัวในลักษณะนี้จึงไม่น่าจะรอดพ้นสายตาของเจ้าหน้าที่ไปได้” รอง ผบ.ตร.กล่าว
รอง ผบ.ตร. กล่าวด้วยว่า หลังจากภาครัฐมีความจริงจังในการแก้ปัญหาการแข่งรถในทาง พบว่า สถิติการร้องเรียนเกี่ยวกับเรื่องนี้ลดลงอย่างต่อเนื่อง กระทั่งมีสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 บางส่วนจึงฉวยโอกาสรวมตัวกระทำผิดอีกครั้ง ซึ่งตำรวจยืนยันว่า หากพบก็จะดำเนินการปราบปรามอย่างเด็ดขาด เพราะนอกจากจะเป็นการสร้างความเดือดร้อนรำคาญแล้ว ยังเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 อีกด้วย
