MGR Online - “ไผ่ ดาวดิน-สมยศ” เข้าพบตำรวจ สน.ชนะสงคราม รับทราบข้อหา ม.112 หลังชุมนมุมปราศรัย-ฝังหมุดคณะราษฎร 63 ที่สนามหลวง เตรียมยื่นหนังสือ ยูเอ็นกฎหมายมาตรา 112 ไม่ทันสมัยล้าหลัง
วันนี้ (8 ธ.ค.) เมื่อเวลา 13.30 น. ที่ สน.ชนะสงคราม นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือ ไผ่ ดาวดิน พร้อมด้วย นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข คอลัมนิสต์เว็บไซต์ประชาไท เข้าพบ พ.ต.ท.โชคอำนวย วงศ์บุญฤทธิ์ รอง ผกก.(สอบสวน) สน.ชนะสงคราม เพื่อรับทราบข้อหาตามหมายเรียกในข้อหา ม.112 กรณีการชุมนุมปราศรัยและฝังหมุดคณะราษฎร 2563 ที่สนามหลวง ระหว่างวันที่ 19-20 กันยายน ที่ผ่านมา โดยมีมวลชนประมาณ 50 คน เดินเท้าจากห้างนิวเวิลด์ มาตามถนนจักรพงษ์ พร้อมรถซาเล้งแดงติดลำโพงเครื่องเสียง มาให้กำลังใจทั้งคู่ที่โรงพัก และมี เฮียบุ๊ง-ปกรณ์ พรชีวางกูร กับ ทราย อินทิรา เจริญปุระ และ นายไชยอมร แก้ววิบูลย์พันธุ์ หรือ แอมมี่ เดอะบอตทอมบลูส์ มาร่วมให้กำลังใจ พร้อมจัดรถกระบะโรงครัวแม่นาคมาแจกจ่ายอาหารน้ำดื่ม
นายสมยศ กล่าวก่อนเข้าพบตำรวจ ว่า แปลกใจมาก เพราะที่ผ่านมาไม่เคยได้รับหมายเรียกเลย นับว่าเป็นเกียรติที่ได้เป็นหนึ่งใน 20 ผู้ถูกหมายเรียกในคดีนี้ สำหรับตนนั้น ม.112 เป็นเรื่องที่ต่อสู้กันมายาวนาน ทำเอาตนไปอยู่ในเรือนจำมาแล้ว 7 ปี หากครั้งนี้ถูกตัดสินว่าผิดอีก ก็จะโดนเพิ่มโทษหนักกว่าเดิม เพราะตอนพ้นโทษ มีข้อตกลงว่าให้ตนละเว้นเรื่องสถาบันและเรื่องการเมือง แต่เมื่อมีคณะราษฎร เลยเกิดละอายใจว่าทำไมจะมาพูดกับน้องๆ ไม่ได้
นายสมยศ กล่าวอีกว่า ตอนนี้ต้องการให้ตำรวจทบทวนดีๆ ว่า การทำคดีนี้ จะไม่ได้เป็นผลดีกับสถาบัน โดยในวันที่ 10 ธันวาคมนี้ จะมีผู้ไปยื่นหนังสือให้องค์กรสหประชาชาติ (ยูเอ็น) เพื่อฟ้องว่า ม.112 เป็นกฎหมายที่ไม่ทันสมัย จะนำไปสู่การเคลื่อนไหวในต่างประเทศ และทั่วโลกจะติเตียนกระบวนการยุติธรรมของประเทศไทย ทำให้การเคลื่อนไหวกลายเป็นไฟลามทุ่ง
ต่อมาเวลา 14.00 น. นายจตุภัทร์ เดินทางมาถึงโรงพัก พร้อมกล่าวว่า ยอมรับว่า รู้สึกไม่ดีที่ถูกแจ้งข้อหา ม.112 ทั้งที่เราพูดถึงข้อเรียกร้อง 3 ประการ พูดถึงปัญหาสังคมไทย การแจ้งข้อหานี้ ทำให้การพูดและสิทธิเสรีภาพถูกจำกัด อีกทั้งคดี ม.112 มีการพิจารณาคดีต่างๆ ไม่เหมือนคดีทั่วไป ทั้งศาลและตำรวจไม่เคยมีคำสั่งให้ประกันตัวเลย หลักการในกระบวนการยุติธรรมของผู้ถูกกล่าวหาหายไปหมด มองว่ารัฐกำลังยกระดับความรุนแรงทางกฎหมาย
ที่ผ่านมา การใช้ ม.110 และ ม.116 มันเพียงพอแล้ว แบบนี้จะยิ่งทำให้คนไม่กลัวกฎหมาย ไม่เหมือนเมื่อก่อน การใช้ ม.112 ยิ่งทำให้คนเห็นถึงความเลวร้ายและความอยุติธรรม เพราะมีอัตราโทษรุนแรงเทียบเท่ากับคดีอาญาอื่นๆ ที่จำคุกมากกว่า 3 ปี เช่น คดีฆ่าหรือข่มขืนผู้อื่น ทั้งนี้ เพราะคำว่าดูหมิ่นไม่มีบรรทัดฐานเลย คดีนี้จึงไม่มีหลักประกันในกระบวนการยุติธรรม ตนมาขนาดนี้ก็เกินกว่าจะถอยแล้ว จากนี้ก็จะต่อสู้ในชั้นศาลต่อไป แม้จะไม่เชื่อในระบบกฎหมาย แต่ก็ยังจะสู้เพื่อให้เห็นว่าความอยุติธรรมคืออะไร ให้สังคมรับรู้ว่าขณะที่คนกลุ่มหนึ่งเคลื่อนไหวแล้วไม่ผิด แต่ฝั่งที่เรียกร้องเสรีภาพกลับถูกดำเนินคดี