ศาลพระโขนงจำคุกไม่รอลงอาญา ก๊วนวินมอเตอร์ไซค์ซอยอุดมสุข ยกพวกตะลุมบอนกัน หนุ่มเคอรี่ถูกยิงดับ เมื่อปี 2542 หัวโจกโดนคุกอ่วม 27 ปี 10 เดือน
วันนี้ (30 พ.ย.) ศาลอาญาพระโขนงอ่านคำพิพากษาคดีวินมอเตอร์ไซค์ยกพวกตีกันย่านอุดมสุข หมายเลขดำ อ2616/2562 ที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายรังสรรค์ หรือ เอ็กซ์ ศรไชยากร, นายจีระพงษ์ หรือ เบส วิบูลย์รัชกิจ, นายพันธ์ศักดิ์ หรือ ตั้ม พละทรัพย์, นายปิยะ หรือ หมู พวงเกษร, นายมานพ หรือ เบียร์ มิ่งมงคล, นายประมุข หรือ มุข วิเชียรดิลกกุล, นายวันชัย หรือ อั้ม มงคลเข็ม, นายบัวลอย หรือ เป้ พัฒวี, นายสมโภช หรือ โอ๋ รัชนีกร, นายธนพล หรือ น็อต บัวบาน, นายภาณุกร หรือ แบงค์ มาลาขาว, นายอาทิตย์ หรือ เอ๋ เข็มเพชร, นายขวัญ หรือ โต้ คชาไพร, นายศักรินทร์ หรือ หนุ่ย ขาวผ่อง, นายอมรฤทธิ์ หรือ แบงค์ กองแก้ว, นายฤทธิชัย หรือ ฟลุ๊ค พาพันธ์, นายดวงดี หรือ ใหม่ แนวกลาง และ นายบุพกร หรือ แจ็ค นราสงค์ เป็นจำเลยที่ 1-18 ในความผิดต่อชีวิต, ซ่องโจร, ก่อความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ
กรณีเมื่อวันที่ 15 มิ.ย. 2562 นายประมุข เป็นหัวหน้าวินจักรยานยนต์รับจ้างกลุ่มซอยอุดมสุข 1 ไม่พอใจกลุ่มวินจักรยานยนต์รับจ้างกลุ่มซอยอุดมสุข 2 ที่มี นายทนง เกิดแก้ว เป็นหัวหน้าวิน เรื่องแย่งลูกค้า กลุ่มวินซอยอุดมสุข 2 ไม่ได้รับอนุญาต แต่มาตั้งวินรับลูกค้าบริเวณใกล้กัน นายประมุขพร้อมพวกที่มีทั้งคนสวมเสื้อวินและหมวกกันน็อกราว 50-60 คน ถือกระบองยาว 1.5 เมตร และมีด ไปที่วินซอยอุดมสุข 2 มีประมาณ 20-30 คน สวมใส่เสื้อทั่วไป ถือไม้ยาว และบางส่วนถืออาวุธมีด วิ่งเข้าไปทำร้ายกันบริเวณกลางถนนซอยอุดมสุข โดยนายประมุขได้รับบาดเจ็บด้วย กลุ่มวินวิ่งไล่ทำร้ายกันนานประมาณ 5 นาที ฝ่ายนายทนง หัวหน้าวินซอยอุดมสุข 2 มีที่พักอยู่ในชุมชนรุ่งเรืองหลบเข้าไปในซอย ระหว่างนั้นฝ่ายนายประมุข รวมตัวกันประมาณ 15-20 คน ก่อนที่นายปิยะ, นายรังสรรค์ และ นายวันชัย ใช้ปืนพกสั้นไม่ทราบชนิดและขนาดที่พกติดตัวมายิงใส่คนที่อยู่ในซอยรุ่งเรือง เป็นเหตุให้ นายวีรวัฒน์ พึ่งครุฑ หนุ่มเคอรี่ ถูกกระสุนถึงแก่ความตาย
ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานโจทก์จำเลยแล้ว พิพากษาว่า จำเลยที่ 1-2, 6-7 มีความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นและพยายามฆ่าผู้อื่น จำคุกคนละ 20 ปี ฐานร่วมกันมีอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาตฯ จำคุกคนละ 1 ปี ฐานร่วมกันพาอาวุธปืนไปในเมืองฯ จำคุกคนละ 1 ปี จำเลยที่ 1-18 มีความผิดฐานซ่องโจร ร่วมกันทำร้ายผู้อื่นเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน จำคุกคนละ 4 ปี ฐานร่วมกันพาอาวุธปืนไปในเมืองฯ แสดงอาวุธในการวิวาทต่อสู้ และร่วมกันทะเลาะกันทำให้เสียความสงบเรียบร้อยในทางสาธารณะ ปรับคนละ 5,000 บาท
ฐานมั่วสุมกันตั้งแต่สิบคนขึ้นไปก่อให้เกิดการวุ่นวายขึ้นในบ้านเมืองโดยมีอาวุธ จำคุกคนละ 1 ปี ส่วนจำเลยที่ 6 เป็นหัวหน้าสั่งการ ให้จำคุก 1 ปี 6 เดือน และจำเลยที่ 6 ฐานร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้เสียหาย ให้จำคุก 4 เดือน รวมจำเลยที่ 1-2, 7 จำคุกคนละ 27 ปี ปรับ 5,000 บาท จำเลยที่ 6 จำคุก 27 ปี 10 เดือน ปรับ 5,000 บาท จำเลยที่ 3-5, 8-18 จำคุกคนละ 5 ปี ปรับ 5,000 บาท เพิ่มโทษจำเลยที่ 5 กระทงละหนึ่งในสามรวมจำคุก 6 ปี 8 เดือน ปรับ 6,666.66 บาท ทั้งนี้ จำเลยบางรายให้การรับสารภาพบางข้อหา จึงมีการลดโทษจำคุกและค่าปรับในส่วนของจำเลยที่รับสารภาพ
เมื่อศาลรวมโทษทุกกระทงแล้ว นายรังสรรค์ จำเลยที่ 1 คงจำคุก 24 ปี 6 เดือน ปรับ 2,500 บาท, นายจีระพงษ์ จำเลยที่ 2 คงจำคุก 27 ปี ปรับ 5,000 บาท, นายพันธ์ศักดิ์ และ นายปิยะ จำเลยที่ 3-4 คงจำคุกคนละ 5 ปี ปรับ 5,000 บาท, นายมานพ จำเลยที่ 5 คงจำคุก 6 ปี 8 เดือน ปรับ 6,666.66 บาท, นายประมุข จำเลยที่ 6 คงจำคุก 27 ปี 10 เดือน ปรับ 5,000 บาท, นายวันชัย จำเลยที่ 7 คงจำคุก 25 ปี 12 เดือน ปรับ 5,000 บาท, จำเลยที่ 8-12 คงจำคุกคนละ 4 ปี 6 เดือน ปรับ 2,500 บาท และจำเลยที่ 13-18 จำคุกคนละ 5 ปี ปรับ 5,000 บาท โดยศาลพิเคราะห์ตามพฤติการณ์แห่งคดีแล้วเป็นเรื่องที่มีผลกระทบต่อสังคมโดยรวมร้ายแรง ไม่สมควรรอการลงโทษ กับให้จำเลยที่ 1-2, 6-7 ร่วมกันชดใช้เงินแก่ผู้ร้อง จำนวน 280,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีนับแต่วันฟ้อง