รอง ผบช.น.เผยระบุตัวผู้กระทำความผิดจัดม็อบหน้ารัฐสภา และ สตช.ได้แล้วกว่า 30 คน คาดออกหมายเรียกได้สัปดาห์หน้า พร้อมเผยเหตุยิงกันมีบาดเจ็บทั้ง 2 ฝ่าย รวม 3 คน เร่งตรวจวิถีกระสุนหาสาเหตุ ยืนยันยังไม่แจ้งเอาผิดตาม ม.112 รอกำหนดขอบเขตแจ้งข้อกล่าวข้อหาจันทร์นี้
วันนี้ (20 พ.ย.) พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) เปิดเผยความคืบหน้าของการดำเนินคดีต่อผู้ชุมนุมในนามคณะราษฎรที่บริเวณหน้ารัฐสภาเมื่อวันที่ 17 พ.ย. และที่หน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เมื่อวันที่ 18 พ.ย. ว่า ทั้ง 2 คดีอยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวนเพื่อพิสูจน์ทราบระบุตัวบุคคลที่กระทำความผิดทั้ง 2 จุด เบื้องต้นสามารถระบุตัวบุคคลได้แล้วรวมมากกว่า 30 คนแบ่ง เป็นการชุมนุมที่หน้ารัฐสภา ท้องที่ สน.บางโพ สามารถพิสูจน์ทราบบุคคลได้แล้ว 14 คน การชุมนุมกันที่หน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในท้องที่ สน.ปทุมวัน สามารถระบุตัวและพิสูจน์ทราบบุคคลได้แล้ว 17 คน
รอง ผบช.น.กล่าวอีกว่า ในจำนวนนี้มีผู้ที่กระทำความผิดด้วยการก่อความรุนแรง ทำลายทรัพย์สินของทางราชการ และชุมนุมโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งเข้าข่ายความผิดในหลายข้อหา อาทิ ความผิดตาม พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะฯ ประมวลกฎหมายอาญา ข้อหาสมคบกัน 10 คนขึ้นไปเพื่อก่อความวุ่นวาย ทำให้เสียทรัพย์ ทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนได้รับบาดเจ็บสาหัส พยายามฆ่า ความผิดตาม พ.ร.บ.การรักษาความสะอาดฯ และ พ.ร.บ.การจราจรทางบก คาดว่า ในสัปดาห์หน้าพนักงานสอบสวนจะเริ่มดำเนินการออกหมายเรียกผู้ต้องหาทั้งหมดมารับทราบข้อกล่าวหาตามขั้นตอนได้
ส่วนการปะทะกันบริเวณหน้ารัฐสภา พนักงานสอบสวนได้เรียกตัวผู้ได้รับบาดเจ็บมาให้ปากคำได้แล้วรวม 3 คน โดยเป็นผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากกระสุนปืนที่แยกบางโพ 1 คน และแยกเกียกกาย 2 คน ซึ่งมีทั้งผู้ชุมนุมของกลุ่มคณะราษฎรและผู้ชุมนุมกลุ่มปกป้องสถาบัน ส่วนลักษณะการก่อเหตุจะเป็นการจงใจก่อเหตุเพื่อหวังเอาชีวิตหรือเป็นการปกป้องคุ้มกันกลุ่มของตัวเองหรือไม่ ยังไม่สามารถเจาะจงประเด็นแรงจูงใจต่างๆ ได้ ต้องตรวจสอบแนววิถีกระสุนและพยานหลักฐานอื่นๆ เพิ่มเติม
ส่วนการจับกุมผู้ต้องหาจากกลุ่มปกป้องสถาบันที่พกพาอาวุธปืนเข้าไปร่วมชุมนุมด้วยนั้น พล.ต.ต.วิชัย กล่าวว่า ได้นำอาวุธปืนดังกล่าวไปตรวจสอบที่กองพิสูจน์หลักฐาน เพื่อหาเอกลักษณ์เฉพาะของเกลียวกระบอกปืนและเข็มแทงชนวนแล้ว เพื่อนำไปเปรียบเทียบกับหัวกระสุนและบาดแผลของผู้ได้รับบาดเจ็บทุกคน แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้
สำหรับการชุมนุมของกลุ่มนักเรียนเลวในวันพรุ่งนี้ (21 พ.ย.) ที่แยกราชประสงค์นั้น รอง ผบช.น. กล่าวว่า จากการตรวจสอบยังไม่พบว่ากลุ่มดังกล่าวมีการแจ้งขอจัดการชุมนุมมาที่ตำรวจ ซึ่งหากวันนี้ก่อนบ่าย 2 โมงยังไม่แจ้ง ก็จะถือว่าเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะฯ ส่วนการควบคุมดูแลจะเพิ่มกำลังของกองร้อยควบคุมฝูงชนที่เป็นตำรวจหญิงมากขึ้น เนื่องจากผู้ชุมนุมส่วนใหญ่ที่มาร่วมชุมนุมเป็นเด็กนักเรียนและเยาวชน เพื่อไม่ให้เกิดความรุนแรงกับผู้ชุมนุมน้อยที่สุด นอกจากนี้ จะมีผู้พิพากษาสมทบของศาลเยาวชน เจ้าหน้าที่สงเคราะห์เด็ก และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับเด็กและเยาวชนมาร่วมสังเกตการณ์ด้วย เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย
ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่า แกนนำผู้ชุมนุมกลุ่มคณะราษฎร ถูกแจ้งข้อหาเพิ่มในฐานความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 นั้น รอง ผบช.น.กล่าวยืนยันว่า ขณะนี้จะยังไม่มีการแจ้งข้อหาความผิดตามมาตรา 112 เนื่องจากต้องรอการพิจารณากำหนดขอบเขตการแจ้งข้อหาและพฤติการณ์แห่งคดีอย่างชัดเจนจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งในวันจันทร์นี้ (23 พ.ย.) พล.ต.ท.จารุวัฒน์ ไวศยะ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จะเรียกประชุมหน่วยที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดขอบเขตให้ชัดเจนก่อนที่จะดำเนินการบังคับใช้
สำหรับกรณีที่สมาชิกกลุ่มนักเรียนเลวมีการโพสต์ภาพหมายเรียกไปรับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ 30 พ.ย.ที่ สน.ลุมพินี นั้น ยืนยันว่า ไม่ได้เป็นการเรียกไปเพื่อแจ้งข้อกล่าวหาตามมาตรา 112 แต่เป็นการเรียกไปเพื่อแจ้งข้อกล่าวหาความผิดตาม พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะฯ