MGR Online - ตร.ยันทำดีที่สุดแล้ว อ้างกำลังมีจำกัดไม่สามารถควบคุมสถานการณ์มวลชน 2 กลุ่มปะทะกัน เพราะต้องดูแลพื้นที่รัฐสภาเป็นหลัก เตือนม็อบทำกิจกรรมหน้า สตช.ห้ามบุกรุกทำลายทรัพย์สินทางราชการ
วันนี้ (18 พ.ย.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วย พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รอง ผบช.น. พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รอง ผบช.น. พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. แถลงสรุปสถานการณ์ชุมนุมที่หน้าอาคารรัฐสภา เมื่อวันที่ 17 พ.ย.ที่ผ่านมา รวมทั้งมาตรการเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์การชุมนุมบริเวณแยกราชประสงค์ในช่วงเย็นวันนี้
พล.ต.ต.ยิ่งยศ เปิดเผยว่า แนวทางการปฏิบัติของตำรวจให้สิทธิเสรีภาพในการชุมนุมที่ถูกกฎหมาย และทำหน้าที่ปกป้องความสงบเรียบร้อยของสังคม อะไรก็ตามที่ทำให้สังคมไม่สงบเรียบร้อย ตำรวจมีหน้าที่ระงับยังยั้งเหตุ และปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเป็นขั้นตอน อยากฝากเตือนผู้ชุมนุมที่จะมาทำกิจกรรมที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หากรุกล้ำเข้ามาในสถานที่ราชการ หรือเข้ามาทำลายทรัพย์สิน ตำรวจจำเป็นต้องดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ เพื่อยับยั้งสิ่งที่ขัดต่อกฎหมาย โดยวันนี้ โรงพยาบาลตำรวจ ได้เตรียมความพร้อมสูงสุดรองรับผู้ป่วย และผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุม
ด้าน พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่า ในการดูแลความสงบเรียบร้อยการชุมนุมในวันนี้ ตำรวจได้เตรียมกำลังผลัดละ 6 กองร้อย ดูแลพื้นที่โดยรอบพื้นที่แยกราชประสงค์ ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ต.เมธี รักพันธุ์ ผบก.น.6 ส่วนการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจ วานนี้ (17 พ.ย.) ว่า มีการควบคุมการปฏิบัติจากผู้บังคับบัญชาระดับสูงตลอดเวลา
“การปฏิบัติของตำรวจเป็นตามกฎหมาย และตามหลักสากล โดยมาตรการที่ใช้ในการปฏิบัติเป็นมาตรการที่มีความจำเป็นเท่านั้น ยืนยันว่า ตำรวจไม่มีการใช้กระสุนยาง กระสุนจริง ในปฏิบัติงานแต่อย่างใด ย้ำตำรวจไม่ใช่คู่ขัดแย้งของผู้ชุมนุม แต่ทุกอย่างเป็นไปตามหลักกฎหมาย” รอง ผบช.น.ระบุ
พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่า สำหรับความเสียหายที่เกิดขึ้นกับการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจเมื่อวานนี้ มีรถฉีดน้ำสกัดผู้ชุมนุม 4 คัน รถน้ำ 2 คัน รถควบคุมผู้ต้องหา 2 คัน รถบัส 3 คัน รถตู้ 13 คัน รถกระบะ 3 คัน และ และ รถอเนกประสงค์ 3 คัน ซึ่งวันนี้ทางกองพิสูจน์หลักฐานจะทำการตรวจพิสูจน์โดยละเอียดอีกครั้งหนึ่ง โดยเฉพาะรถฉีดน้ำแรงดันสูง (จีโน่) ซึ่งมีราคาแพง เป็นรถที่ใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ ได้ถูกทำลายด้วยการตัดแผงวงจรควบคุม มีการนำทราย เศษอาหาร เศษเหล็ก ไปใส่ไว้ในเครื่องยนต์กลไก
พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวอีกว่า จากการประสานกับศูนย์เอราวัณ มีผู้ได้รับบาดเจ็บจากการปะทะทั้งหมด 55 คน นอกจากนี้ ยังมีกรณีผู้ที่อยู่ในพื้นที่ชุมนุมถูกยิง จำนวน 2 ราย มาจากกลุ่มทั้ง 2 ฝ่าย ทั้งกลุ่มราษฎร ถูกยิงที่ต้นขาซ้าย และอีกกลุ่มที่ถูกยิงบริเวณสะโพกขวา ส่วนปลอกกระสุนปืนที่ถูกเผยแพร่ในโลกโซเชียล ยังไม่มีใครส่งมอบให้ตำรวจ ซึ่งหากประชาชนพบหลักฐานใดๆ ในพื้นที่ชุมนุมสามารถนำส่งให้เจ้าพนักงานท้องที่ได้ แต่อย่างไรก็ตาม ตำรวจกองพิสูจน์หลักฐานกลางได้ลงพื้นที่เพื่อเก็บรวบรวมพยานหลักฐานในบริเวณที่เกิดเหตุแล้ว
ส่วนกรณีมีผู้ไม่หวังดีเผยแพร่ภาพและคลิปข่าวปลอมการเคลื่อนย้ายผู้ชุมนุมสวมใส่เสื้อสีเหลืองไปอยู่ที่ถนนทหาร โดยอ้างว่าตำรวจอำนวยความสะดวกให้นั้น พล.ต.ต.ปิยะ ระบุว่า กรณีนี้ตำรวจต้องการให้กลุ่มผู้ชุมนุมไปอยู่ในพื้นที่ที่จัดพื้นไว้เท่านั้น
พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวถึงกรณีมีภาพยาเสพติดอยู่ในรถตู้ตำรวจที่ใช้ในการปฏิบัติราชการ ถูกเผยแพร่ผ่านสื่อต่างๆ นั้น กรณีนี้ได้นำตำรวจทั้ง 7 นาย ที่โดยสารรถคันนี้ไปตรวจทดสอบสารเสพติดแล้ว ซึ่งผลพบว่าทั้งหมดผลเป็นลบ ไม่พบสารเสพติด ซึ่งได้มีการตรวจสอบรถคันดังกล่าวพบว่า สิ่งของสำคัญต่างๆ ซึ่งเป็นทรัพย์สินส่วนตัวสูญหายหมดเหลือเพียงยาเสพติดอยู่ตามภาพเท่านั้น ซึ่งเชื่อได้ว่า วัตถุยาเสพติดนั้นอาจถูกนำมาวางภายหลัง ซึ่งหลังจากนี้ จะต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อไปว่าเป็นอย่างไร แต่ยืนยันว่า ตำรวจไม่ได้นำยาเสพติดเข้าไปในการชุมนุมและการปฏิบัติหน้าที่แต่อย่างใด เบื้องต้นได้ให้ตำรวจทั้ง 7 นายแจ้งความร้องทุกข์กับสถานีตำรวจเจ้าของพื้นที่ ในข้อหาทำให้ทรัพย์สินส่วนราชการเสียหาย และทรัพย์สินส่วนตัวสูญหาย
ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีตำรวจฉีดน้ำสีม่วง และสีน้ำเงิน ใส่ผู้ชุมนุม มีส่วนประกอบแตกต่างกันอย่างไร พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่า เป็นการทำสัญลักษณ์ยืนยันตัวบุคคล ให้ทราบตัวผู้กระทำผิดเพื่อใช้ในการดำเนินคดีในแต่ละวัน ยืนยันว่า การใช้สารเคมีเป็นไปตามมาตรฐานสากล การผสมสารเคมีในน้ำที่ตำรวจใช้เป็นไปตามระบบและมาตรฐานของบริษัทผู้ผลิตจากต่างประเทศ ได้การรับรองจากอียูชัดเจน และสั่งการด้วยระบบคอมพิวเตอร์
เมื่อถามถึงกรณีที่ตำรวจไม่เข้าควบคุมสถานการณ์ปล่อยให้มวลชน 2 กลุ่มปะทะกันบริเวณแยกเกียกกาย ตำรวจจะชี้แจงอย่างไร พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่า ตนขออธิบายเหตุการณ์ตั้งแต่มวลชนกลุ่มราษฎร ฝ่าแนวตำรวจ จนตำรวจต้องถอยร่นมาอยู่ด้านหน้ารัฐสภา ส่วนจุดที่มีการปะทะกัน อยู่ห่างจากจุดชุมนุมแยกเกียกกาย 300 เมตร ใกล้เคียงชุมชนวัดใหม่ทองเสน
“เรามีเจ้าหน้าที่จำนวนจำกัด และมีผู้ชุมนุมพยายามจะเข้าไปในรัฐสภา ซึ่งตำรวจต้องควบคุมดูแลพื้นที่บริเวณดังกล่าวเป็นหลัก เนื่องจากเป็นจุดสำคัญของประเทศ เรามีความจำเป็นต้องใช้กำลังไปรักษาพื้นที่ในจุดนั้น อย่างไรก็ตาม มันเป็นพื้นที่กว้าง เราไม่สามารถดูแลทุกตารางนิ้วได้ แต่เราทำหน้าที่อย่างดีที่สุดแล้ว” รอง ผบช.น.กล่าว
พล.ต.ต.ยิ่งยศ กล่าวด้วยว่า การทุบทำลายทรัพย์สินราชการที่มาจากภาษีพวกเราเอง ไม่ทำให้ปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองจบไป เพราะตำรวจไม่ใช่คู่ขัดแย้ง ที่สำคัญทำลายรถแต่ตำรวจก็ต้องทำหน้าที่ต่อไป เพราะมีหน้าที่รักษากฎหมายบ้านเมือง