xs
xsm
sm
md
lg

จำคุก 2 ปี อดีต ปธ.บอร์ดการบินไทย ขนสัมภาระเกินโควตา หลังควงภรรยากลับจากญี่ปุ่นเมื่อปี 2552

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


นายวัลลภ พุกกะณะสุต อดีตกรรมการและประธานกรรมการบริหารบริษัท การบินไทย จำกัด
จำคุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา อดีต ปธ.บอร์ดการบินไทย ทุจริตขนสัมภาระเกินโควตา เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ชำระค่าขนส่ง หลังเดินทางพร้อมเมีย กลับจากประเทศญี่ปุ่น เมื่อปี 2552

เมื่อเวลา 10.00 น.วันนี้ (25 พ.ย.) ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง อ่านคำพิพากษาในคดีหมายเลขดำ อท.187/2562 ที่คณะกรรมการปราบปรามการทุจริตแห่งชาติเป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายวัลลภ พุกกะณะสุต อดีตกรรมการและประธานกรรมการบริหารบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เป็นจำเลยในความผิด ตาม พ.ร.บ.ความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502 มาตรา 11 โดยจำเลยเมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง กก.บริษัท การบินไทย จก. (มหาชน) และประธาน กก.บริหารฯ ใช้อำนาจโดยทุจริตสั่งการให้พนักงานบริษัท การบินไทย แก้ไขน้ำหนัก เป็นการปกปิดน้ำหนักสัมภาระที่แท้จริง เพื่อหลีกเลี่ยงค่าระวางขนส่งที่เกินสิทธิ เป็นเหตุให้บริษัท การบินไทย เสียหาย

ทั้งนี้ กรณีดังกล่าวเกิดขึ้นช่วงปี 2552 อดีตประธานบอร์ดบริหารการบินไทยพร้อมภริยา เดินทางกลับจากประเทศญี่ปุ่น โดยถูกกล่าวหาว่า ขนสัมภาระน้ำหนักกว่า 300 กิโลกรัม กลับมายังสนามบินสุวรรณภูมิ โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายน้ำหนักที่เกิน ทำให้การบินไทยสูญเสียรายได้จำนวนมาก ต่อมาบอร์ดบริหารการบินไทยได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง โดยต้นปี 2553 มีมติสั่งปรับเงินอดีตผู้บริหารดังกล่าว

โดยในวันนี้ นายวัลลภ จำเลยเดินทางมาศาลเพื่อฟังคำพิพากษา

ศาลพิเคราะห์เเล้วเห็นว่า พยานหลักฐานการไต่สวน ซึ่งจำเลยยกขึ้นอ้างว่าไม่เคยทราบจำนวนสัมภาระ ไม่ได้รับการแจ้งน้ำหนักสัมภาระว่าเกินสิทธิต้องเสียค่าระวาง ไม่ได้แจ้งสั่งให้รวมน้ำหนักสัมภาระและแก้ไขน้ำหนักในระบบ เพื่อไม่ต้องชำระค่าระวางโดยปราศจากพยานหลักฐานอื่นสนับสนุนจึงมีน้ำหนักน้อย ไม่อาจฟังหักล้างข้อเท็จจริงที่ได้ความจาก นายกุศล ศรีตุลานุกต์ ผู้จัดการการบริการสนามบินโตเกียว ในขณะนั้น ซึ่งถูกกันไว้เป็นพยานได้ ทั้งทำให้ข้อต่อสู้ของจำเลยที่ยกขึ้นอ้างว่าถูกบุคคลสร้างเรื่องใส่ร้ายไม่มีน้ำหนักให้ฟังข้อเท็จจริงได้ แม้จากทางไต่สวนจะปรากฏข้อพิรุธ ซึ่งนายกุศลให้ถ้อยคำต่อคณะอนุกรรมการไต่สวนตามเอกสารว่า นายกุศลเคยบันทึกภาพเหตุการณ์ที่จำเลยขนสัมภาระโดยไม่ชำระค่าระวางหลายครั้ง แต่กลับไม่ปรากฏพยานหลักฐานอื่นสนับสนุน รวมทั้งข้อพิรุธเกี่ยวกับภาพถ่ายกระเป๋าสัมภาระที่อ้างว่าเป็นของจำเลยตามที่ปรากฏในคำเบิกความของนายกุศลในคดีนี้ แต่ข้อพิรุธดังกล่าวก็ไม่ใช่ประเด็นโดยตรงเกี่ยวกับเหตุการณ์ระหว่างจำเลยกับนายกุศลที่สนามบิน อันเป็นมูลเหตุคดีนี้ไม่มีผล ทำให้ข้อหักล้างของจำเลยกลับมีน้ำหนักเพิ่มขึ้น ประกอบกับข้อเท็จจริงในเหตุการณ์เป็นการสนทนากันระหว่างนายกุศลกับจำเลยเพียงชั่วขณะ และโอกาสที่จะมีผู้รู้เห็นเหตุการณ์นอกจากบุคคลดังกล่าวเป็นไปได้ไม่มากจึงเป็นพฤติการณ์พิเศษแห่งคดีให้รับฟังถ้อยคำของนายกุศลได้

พยานหลักฐานจึงฟังได้ว่า ตามวันเวลาเกิดเหตุจำเลยสั่งการให้นายกุศล ซึ่งมีหน้าที่เรียกเก็บค่าระวางสัมภาระส่วนที่เกินสิทธิละเว้นไม่บังคับเรียกเก็บค่าระวางดังกล่าว จากจำเลยซึ่งมีสัมภาระขนส่งเกินสิทธิ์ที่ไม่ต้องชำระค่าระวาง และให้นายกุศลแก้ไขน้ำหนักสัมภาระดังกล่าว เพื่อปกปิดน้ำหนักที่แท้จริง หลีกเลี่ยงการชำระค่าระวางดังกล่าวอันเป็นการก่อให้นายกุศล ซึ่งเป็นพนักงานในองค์การของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตแม้จำเลยไม่มีหน้าที่ในการเรียกเก็บค่าระวางสัมภาระส่วนที่เกินสิทธิ์และแก้ไขบันทึกข้อมูลน้ำหนักสัมภาระไม่ใช่อำนาจหน้าที่ของจำเลยโดยตรง จึงขาดคุณสมบัติตามที่กฎหมายกำหนดไว้โดยเฉพาะ ซึ่งจะทำให้จำเลยไม่อาจรับโทษเสมือนเป็นตัวการและไม่อาจลงโทษจำเลย เพราะใช้ให้กระทำความผิดได้ แต่การที่จำเลยก่อให้นายกุศลปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตดังกล่าวแม้จำเลยมีฐานะเป็นกรรมการในคณะกรรมการซึ่งต้องดำเนินการตามกิจการในรูปแบบคณะกรรมการ แต่เมื่อจำเลยต้องปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นไปตามกฎหมายวัตถุประสงค์และข้อบังคับ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) และมีอำนาจหน้าที่กำกับดูแลการปฏิบัติงานของฝ่ายบริหารให้เป็นไปตามกลยุทธ์นโยบายแผนวิสาหกิจแผนปฏิบัติการของ บริษัท และของคณะกรรมการ บริษัท ตามคำสั่ง บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ที่249/2552 ตราบใดที่จำเลยยังคงดำรงตำแหน่งไม่พ้นจากตำแหน่งตามวาระหรือด้วยเหตุอื่นที่กำหนดไว้

การที่จำเลยเป็นผู้ก่อให้นายกุศลปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ย่อมถือได้ว่าจำเลยปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อแสวงหาผลประโยชน์อันมิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเองหรือผู้อื่น

ทั้งไม่จำต้องพิจารณาว่าการเดินทางในเที่ยวบินดังกล่าวเป็นการเดินทางอันเนื่องจากการไปปฏิบัติหน้าที่ให้แก่บริษัท หรือในฐานะส่วนตัว ทั้งเมื่อการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบของจำเลยเช่นว่านี้มุ่งหมายเพื่อให้มีผลเกี่ยวเนื่องกับการขนส่งสัมภาระมาในอากาศยานโดยไม่ต้องเสียค่าระวางสัมภาระที่เกินสิทธิจนถึงปลายทางที่สนามบินสุวรรณภูมิการละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบจึงยังคงมีอยู่ตลอดการขนส่งสัมภาระจนกระทั่งเครื่องบินถึงจุดหมายที่ประเทศไทยโดยมิพักต้องคำนึงว่าการเรียกเก็บค่าขนส่งสัมภาระดังกล่าว มีทางปฏิบัติว่าต้องเรียกเก็บตั้งแต่สถานีต้นทางหรือไม่ถือได้ว่าการกระทำของจำเลยเป็นการกระทำความผิดในราชอาณาจักร พยานหลักฐานที่ได้จากการไต่สวนจึงมีน้ำหนักให้รับฟังได้มั่นคงว่าจำเลยเป็นพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตตามฟ้องพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502 มาตรา 11 ลงโทษจำคุก 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา

ภายหลังนายวัลลภ ได้ยื่นขอประกันตัวระหว่างอุทธรณ์สู้คดี โดยใช้หลักทรัพย์เดิมมูลค่า 200,000 บาท ศาลอาญาทุจริตฯพิจารณาแล้วอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวระหว่างอุทธรณ์

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคดีนี้ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติชี้มูลความผิดนายวัลลภ พุกกะณะสุต เมื่อช่วงปี 2561 กรณีถูกกล่าวหาว่า ทุจริตในการนำกระเป๋าสัมภาระที่มีน้ำหนักเกินกว่าสิทธิ์ขึ้นเครื่องบินที่สนามบินนาริตะ ประเทศญี่ปุ่น และกรณีถูกกล่าวหาว่า รับเนื้อโกเบ และผลไม้จากบริษัทเอกชนที่มีมูลค่าเกินกว่า 3,000 บาท


กำลังโหลดความคิดเห็น