MGR Online - “รมว.ยุติธรรม” เปิดแผน “ปฏิบัติการต่อต้านยาเสพติดปี 64” เล็งเอาผิดบิตคอยน์ พบซื้อขายทางออนไน์มากขึ้น แนะ ป.ป.ส. เป็นศูนย์กลางประสานทุกหน่วยงานบูรณาการร่วมกันบังคับใช้กฎหมาย
วันนี้ (27 พ.ย.) เวลา 13.00 น. ณ อาคารอเนกประสงค์ สปท. สถาบันวิชาการป้องกันประเทศ (สปท.) กรุงเทพฯ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม (รมว.ยธ.) เป็นประธานเปิด “แผนปฏิบัติการด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด พ.ศ. 2564” โดยมี นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี, นายวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัด ยธ., นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการ ป.ป.ส. และหัวหน้าส่วนราชการทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในส่วนกลางและภูมิภาค ทั้งพลเรือน ตำรวจ ทหาร และผู้แทนภาคประชาชน เข้าร่วมงาน
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ตนในนามของ ผอ.ศูนย์อำนวยการการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดแห่งชาติ ได้เน้นเรื่องการสืบสวนขยายผลทำลายเครือข่ายยาเสพติดทุกระดับ ตัดวงจรทางการเงิน ยึดทรัพย์สินกลุ่มค้ายาเสพติดไม่ให้นำเงินมาเป็นทุนค้ายาหรือขยายธุรกิจผิดกฎหมายต่างๆ เน้นบูรณาการบังคับใช้กฎหมายของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตามหลักนิติธรรม ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้มอบนโยบาย เมื่อวันที่ 17 ก.ค. 63 สำหรับปัญหายาเสพติดเป็นปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการบริหารประเทศ ที่ผ่านมา การซื้อขายยาเสพติดหลักมาทางสามเหลี่ยมทองคำและยังพบการซื้อขายผ่านทางออนไลน์ทำให้ประชาชนเดือดร้อน ซึ่งรัฐบาลให้ความสำคัญและมีการกำหนดไว้ในยุทธศาสตร์ชาติไว้ด้วย
“ในปี 2564 ผมกำหนดเป้าหมายการขยายผลและยึดทรัพย์สินเครือข่ายยาเสพติด 10 เท่า หรือคิดเป็นมูลค่าทรัพย์สินประมาณ 6,000 ล้านบาท โดยให้ ป.ป.ส. ร่วมมือระหว่างประเทศในการช่วยกันแก้ปัญหา เช่น สำนักงานปราบปรามยาเสพติด สหรัฐอเมริกา (DEA) อย่างการจับกุมสารเคมีที่โกดังบางปะกง เราต้องเรียนรู้ในสิ่งใหม่ๆ ที่ไม่เคยเจอ รวมถึงการซื้อขายผ่านทางบิตคอยน์ ซึ่งเราต้องเรียนรู้ในเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่พัฒนาอยู่ตลอดให้เท่าทัน เพื่อให้แต่ละจังหวัดทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ให้ส่วนกลางทำงานอย่างเดียว โดยให้ ป.ป.ส. เป็นหน่วยงานกลางในการประสาน” นายสมศักดิ์ กล่าว
นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า ส่วนฝ่ายปราบปราบขอให้เน้นการทำลายเครือข่าย ตัดวงจรทางการเงิน ไม่ให้นำเงินมาขยายเครือข่าย โดยบูรณาการบังคับใช้กฎหมายร่วมกันและกำหนดตัวชี้วัดให้ชัดเจน ในเรื่องของการยึดทรัพย์จะใช้มาตรการที่เกี่ยวข้องใน พ.ร.บ.มาตรการ 2534 หรือ พ.ร.บ. ปปง. ซึ่งต้องมีการสัมมนาทำความเข้าใจ พูดคุยกัน ให้ ป.ป.ส.เป็นเจ้าภาพในการประสานงาน ที่ผ่านมา เราจับยาเสพติดได้ง่าย แต่ต้องจ่ายค่านำจับมากกว่ามูลค่าต้นทุนยา จึงต้องค่อยๆ ลดให้เท่ากับต้นทุน จะลดมากกว่านี้ยังไม่ได้เพราะคนจะหาว่าเราลดรางวัลนำจับ ซึ่งตอนนี้มี ร่าง พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ ที่อยู่ในการพิจารณาของรัฐสภา ซึ่งหากผ่าน การยึดทรัพย์ตัดวงจรเครือข่าย ผู้นำจับจะได้รางวัลมากกว่าการจับเม็ดยา และ ป.ป.ส. ควรมีเครื่องมือให้เจ้าหน้าที่ต่างๆ ในการจัดการกับเครือข่ายค้ายาด้วย
ด้าน นายวิชัย เผยว่า แผนปฏิบัติการฯ พ.ศ. 2564 เพื่อให้หน่วยงานบูรณาการและหน่วยงานในระดับพื้นที่ มีความเข้าใจแนวทางของแผนปฏิบัติการ ตามนโยบายขยายผลยึดทรัพย์เพื่อตัดวงจรยาเสพติด สามารถขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านยาเสพติดได้อย่างมีประสิทธิภาพ และความร่วมมือระหว่างหน่วยงานที่ต้องประสานการดำเนินงานใน 5 มาตรการ ได้แก่ ความร่วมมือระหว่างประเทศ, ปราบปรามและบังคับใช้กฎหมาย, การป้องกันยาเสพติด, การบำบัดรักษายาเสพติด และ การบริหารจัดการอย่างบูรณาการ
“ปัจจัยที่สำคัญในการแก้ไขปัญหายาเสพติด คือ การมีส่วนร่วมของภาคประชาชาชน เพราะหน่วยงานราชการไม่สามารถดำเนินการเพียงลำพังได้ เพื่อให้ลูกหลานและสังคมไทยปลอดภัยจากยาเสพติด เริ่มตั้งแต่สถาบันครอบครัวที่เป็นสถาบันที่สำคัญที่สุดในการสร้างภูมิคุ้มกันให้บุตรหลาน เยาวชน ไม่ให้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด หรือภาคชุมชนที่เป็นพื้นที่ปัญหา ต้องลุกขึ้นมาจัดการร่วมกับภาคส่วนอื่นๆ ของสังคม และการร่วมเป็นหูเป็นตาให้แก่เจ้าหน้าที่ ด้วยการแจ้งเบาะแสเกี่ยวกับยาเสพติด ซึ่งหลายครั้ง ที่ผ่านมาได้มีการนำไปสู่การจับกุมเครือข่ายนักค้ายาเสพติดรายสำคัญหลายราย” นายวิชัย กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสมศักดิ์ พร้อมคณะ ได้เดินชมทรัพย์สินที่ยึดได้จากปฏิบัติการสยบไพรี 64/1 ตามยึดทรัพย์เครือข่ายยาเสพติด 11 รายการ มูลค่าประมาณ 44 ล้านบาท อาทิ รถยนต์ รถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ 39 คัน อุปกรณ์ตกแต่งมอเตอร์ไซค์ กล้องถ่ายภาพ และบัญชีเงินฝาก เป็นต้น