MGR Online - รมว.ยธ.นำมาตรการตัดตอนเครือข่ายยาเสพติดรายใหญ่แบบถอนรากถอนโคน เอาผิดฐานสนับสนุน-ฟอกเงิน หลังพบข้อมูลมีเงินหมุนเวียนหลักล้านล้านบาท แต่ยึดทรัพย์จริงแค่หลักพันล้านบาท
วันนี้ (9 พ.ย.) เวลา 13.00 น. ณ โรงแรมอมารี ดอนเมือง แอร์พอร์ต กรุงเทพฯ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม (รมว.ยธ.) เป็นประธานเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการผู้บริหารหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินคดีความผิดฐานสมคบหรือสนับสนุนช่วยเหลือการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ที่โรงแรมอมารี ดอนเมือง โดยมีนายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการ ป.ป.ส. อธิบดีอัยการภาค ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เลขาธิการ ปปง. และเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. กว่า 60 คนเข้าร่วม
นายสมศักดิ์กล่าวว่า การแก้ไขปัญหายาเสพติดของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้มอบนโยบายที่สำคัญประการหนึ่ง คือ การให้แต่ละจังหวัดตั้งเป้าหมายการยึดทรัพย์สินและกำหนดแผนงานรองรับ รวมทั้งให้จัดทำแผนผังความเชื่อมโยงของเครือข่าย และเส้นทางการเงินของนักค้ายาเสพติด เพื่อนำมาตรการบังคับริบทรัพย์สิน มาตรการด้านการฟอกเงินและภาษีมาใช้ในการดำเนินการต่อเครือข่ายการค้ายาเสพติดรายสำคัญ และนายทุนที่อยู่เบื้องหลังการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด
นายสมศักดิ์กล่าวอีกว่า การดำเนินงานตรวจสอบและริบทรัพย์สินที่ผ่านมาในแต่ละปี หากคำนวณจากปริมาณยาเสพติดที่แพร่ระบาดอยู่มาเป็นตัวเงินจะมีมูลค่ามากถึงหลักล้านล้านบาท แต่ในปีหนึ่งเราสามารถยึดทรัพย์สินของผู้กระทำความผิดได้เพียงหลักพันล้านบาทเท่านั้น จากหลักคิดดังกล่าวจึงนำมาสู่แนวทางใหม่ในการยึดทรัพย์สินของผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดในกลุ่มผู้ถูกจับกุม และขยายผลไปยังเครือข่ายการค้า
“โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ที่มีการทำธุรกรรมที่มีเหตุอันควรสงสัยว่าจะเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด จากสำนักงาน ปปง.ซึ่งผมได้ตั้งเป้าหมายให้สามารถยึดทรัพย์สินให้ได้มากกว่าเดิม 10 เท่า โดยสำหรับวิธีการดำเนินการนั้นผมได้สั่งการให้จัดตั้งทีมสืบสวนขยายผลด้วยการใช้เครื่องมือพิเศษเชื่อมโยงกับทุกคดี และให้มีการตั้งหัวหน้าผู้รับผิดชอบที่ได้รับการฝึกอบรมแล้วมาดูแล” รมว.ยุติธรรมกล่าว
นายสมศักดิ์กล่าวต่อว่า จากนี้ให้มีการประเมินมูลค่ายาเสพติดตามมูลค่าจริงและให้ติดตามยึดทรัพย์สินในส่วนของมูลค่า หรือผลประโยชน์ที่ผู้กระทำผิดควรจะได้รับจากการค้ายาเสพติด รวมถึงการดำเนินคดีต่อตัวการสำคัญ หรือนายทุนที่อยู่เบื้องหลังการกระทำความผิด หรือผู้ร่วมขบวนการค้ายาเสพติด รวมทั้งผู้ที่สนับสนุนช่วยเหลือการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด โดยทั้งหมดจำเป็นต้องอาศัยมาตรการทางกฎหมาย ตามพระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ. 2534
นายสมศักดิ์กล่าวเพิ่มว่า ในความผิดฐานสมคบหรือสนับสนุนช่วยเหลือ และการดำเนินคดีในความผิดฐานฟอกเงิน ตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 รวมทั้งความผิดฐานหลีกเลี่ยงภาษี ตามประมวลรัษฎากร โดยการดำเนินคดีความผิดฐานสมคบและสนับสนุนช่วยเหลือฯ นั้น เป็นมาตรการหลักสำคัญ ที่ผ่านมาได้รับความร่วมมือด้วยดีจากทุกฝ่าย ซึ่งยังมีปัญหาและอุปสรรคในการทำสำนวน คดีสมคบ คือ พยานหลักฐาน ข้อมูลทางโทรศัพท์ ความเคลื่อนไหวในบัญชีธนาคาร เอามาแลกกับคำขออนุมัติจับกุมไม่ทัน จะทำอย่างไรให้ทัน การขออนุมัติแจ้งข้อหาจับกุม จะย่นเวลาอย่างไรให้เร็ว และปัญหาการทำสำนวนคดีฟอกเงิน ไม่มีระเบียบวิธีที่ชัดเจนในการทำคดี จะเก็บหลักฐานอย่างไรให้ครบถ้วน
“การประชุมเชิงปฏิบัติการในวันนี้ ผมมีความมุ่งหมายที่จะพัฒนาและเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินคดีต่อตัวการสำคัญ หรือ นายทุนที่อยู่เบื้องหลังการกระทำความผิด ผมจึงหวังว่าจะได้รับความร่วมมือจากท่านอีกครั้งหนึ่งในการที่จะได้ร่วมกันระดมความคิดเห็น และประสบการณ์ เพื่อกำหนดแนวทางการปฏิบัติให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์” นายสมศักดิ์กล่าว