xs
xsm
sm
md
lg

ข่าวลึกปมลับ : ปูทาง “ชวน” คัมแบก แฮตทริกนายกฯ (ชั่วคราว)

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม



“ข่าวลึกปมลับ” ออกอากาศทาง NEWS1 ล้วงปมลึก คลายปมลับ ตีแผ่ประเด็นร้อน กับ นพรัฐ พรวนสุข บก.ข่าวการเมือง และกระบวนการยุติธรรม วันอังคารที่ 17 พศจิกายน 2563 ตอน ปูทาง “ชวน” คัมแบก แฮตทริกนายกฯ (ชั่วคราว)



ความเคลื่อนไหวการแก้ปัญหาขัดแย้งทางการเมือง โดยผ่านกลไกลคณะกรรมการสมานฉันท์ยังคงขยับต่อไป เพราะมองว่า มาตรการสมานฉันท์ มีความจำเป็นสำหรับการคลี่คลายปมความขัดแย้งทางการเมือง ทั้งเรื่องร้อนๆเฉพาะหน้า และปัญหาไฟสุมขอน ที่จะลุกขึ้นในภายภาคหน้า

แต่โครงสร้าง กรรมการปรองดองสมานฉันท์ ต้องไม่ใช่คนหน้าเดิม ตามที่สถาบันพระปกเกล้าออกแบบมา ซึ่งนาย ชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา แสดงออกว่า ไม่ค่อยเห็นด้วยกับรายชื่อและโครงสร้างของสถาบันพระปกเกล้า ดีไซน์มาให้ เพราะเป็นรูปแบบใช้คนหน้าเดิมๆ

คนเก่าหน้าเดิมในแนวนี้ มีความถนัดด้านทฤษฎี อย่างเดียว เสนอแนวคิดหาทางออกประเทศมาแล้วหลายครั้ง แต่ไม่สัมฤทธิ์ผล จึงควรทดลองเอาพวก “นักปฏิบัติ” มาร่วมวงด้วย น่าจะตอบโจทย์สถานการณ์ในประเทศมากกว่า

ในอดีตที่ผ่านมาหลายยุคหลายสมัยกับการใช้คณะปรองดองสมานฉันท์ ไม่ว่า คณะกรรมการของ นพ.ประเวศ วะสี คณะกรรมการของ คณิต ณ นคร หรือแม้แต่ของ ดิเรก ถึงฝั่ง อดีต ส.ว.นนทบุรี ต่อให้มีรายงานสรุปดีแค่ไหน ก็ไม่เคยถูกหยิบมาใช้เลย จึงสมควรเปลี่ยนรูปแบบกันใหม่ เสียที

สำหรับ นักปฏิบัติ ในสเปกประธานรัฐสภา หากไม่ได้คู่ขัดแย้งอย่างม็อบสามนิ้วตอนนี้ ก็ต้องเล็งไปที่อดีตแกนนำม็อบ หรืออดีตคนเคยเป็นรัฐบาล ที่เคยผ่านประสบการณ์ม็อบมา เพราะย่อมรู้ว่า ความต้องการของม็อบ และข้อจำกัดของฝ่ายอำนาจมีอะไร

แนวทางนี้ ถือเป็นเรื่องที่ถูกต้อง กับการที่ต้องเอาประสบการณ์จากคนที่เคยออกมาขับไล่รัฐบาล และคนที่เคยต้องรับมือกับการชุมนุม มารีดเอาประสบการณ์ เผื่อมันจะได้แนวทางแก้ปัญหา ที่เข้าใกล้ความเป็นจริงมากกว่าตำรา

การใช้บริการแต่นักทฤษฎี นักสันติวิธี คนมีชื่อเสียง มานั่งอยู่ในคณะกรรมการสมานฉันท์ ดูดีแต่ได้แค่ภาพลักษณ์ที่ดี แก้ไขปัญหาจริงๆ ไม่ได้ สุดท้ายจะกลายเป็นสิ้นเปลืองงบประมาณ เป็นแค่การซื้อเวลา สร้างภาพเท่านั้น

ครั้งนี้ ชวน หลีกภัย มองเห็นจุดอ่อนการแก้ไขปัญหาในอดีต ที่ตั้งสารพัดคณะกรรมการขึ้นมา แต่ไม่ได้ผลสัมฤทธิ์ที่เป็นมรรคเป็นผล เลยจัดสังคายนาใหม่

ขืนใช้สูตรเดิม เปล่าประโยชน์แน่ เพราะจะเป็นการตั้งขึ้นมาเล่นลิเกกันมากกว่า แต่ม็อบไม่ฟัง รัฐบาลไม่ฟัง คณะกรรมการสมานฉันท์จะกลายเป็นเพียงคนกลุ่มหนึ่งที่นั่งคิด เสร็จงานแล้วแยกย้าย กองเอกสาร ข้อเสนอเอาไว้ ให้คนพูดถึง เหมือนกับหลายๆ ชุดในอดีต ที่วันนี้คนลืมกันไปแล้ว

แต่อย่างไรก็ดี การที่ ชวน มุ่งมั่นเอาจริง ก็ยิ่งเกิดแรงกระเพื่อมทางการเมืองขึ้น คือทำให้แกนนำรัฐบาล โดยเฉพาะในซีกพรรคพลังประชารัฐ เกิดอาการอยู่ไม่เป็นสุข เพราะรู้ว่า เกมนี้พรรคประชาธิปัตย์ ต้องการผลลัพธ์ในการเป็นผู้หาทางออกให้ประเทศ

เป็นการหวังสร้างชื่อฝากไว้บนปฐพี จริงๆ
มากกว่าหวังจะเป็นผู้ได้ประโยชน์ จากการหาทางออกให้ประเทศ

ตามคิวที่หากเรื่องนี้ ชวน หลีกภัยทำสำเร็จ สมานรอยร้าวในสังคมให้คนไทยกลับมามองหน้ากันได้ สุดท้ายฝ่ายที่จะหน้าแตก ก็คือ พรรคพลังประชารัฐนั่นเอง เพราะคนพลังประชารัฐเคยออกมาปาดหน้า ฉะประธานชวน หยามหน้าต่างๆนานา ในเรื่องนี้

และที่สำคัญเหนือสิ่งอื่นใด ตอนนี้มีคลื่นแทรก ที่สัญญาณส่งมาแรงขึ้นเรื่อยๆ กับสูตร ดัน ชวน ขึ้นมาเป็น “นายกฯชั่วคราว” เพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ และยุบสภาเลือกตั้งใหม่ โมเดลเดียวกับการนำ อานันท์ ปันยารชุน มาแก้วิกฤติในช่วงปี 2535

ทั้งมีกลุ่มกองเชียร์เป็นคนที่หมายมั่นจะให้ ชวน ปิดฉากอาชีพนักการเมือง ในฐานะอดีตนายกฯ 3 สมัย ขณะที่ท่าทีของพรรคฝ่ายค้านอื่นก็คลิ๊กด้วย แอบเชียร์สูตรลับนี้ด้วย พร้อมทั้งหนุนหลังให้ทำอย่างไรก็ได้ให้แก้กติกาสำเร็จ และเอา “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กลับบ้าน

ดูได้จาก ท่าที “เจ๊หน่อย” คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ อดีตประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย ออกมาชัดเลยว่า รับลูกกับสูตรนี้ หลังจากวันก่อนหน้านั้น ได้เปิดแนวทางบันได 3 ขั้น ในวงเสวนาที่สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย

เจ๊หน่อยมีบันไดขั้นแรก คือสร้างเวทีที่ปลอดภัยให้ผู้ที่เห็นต่างและนายกฯได้พูดคุยกัน ในฐานะคู่ขัดแย้ง บันไดขั้นที่สอง เร่งแก้ไขรัฐธรรมนูญพิจารณาทั้ง 7 ร่าง ใน 3 วาระ ให้แล้วเสร็จภายในต้นเดือน ธ.ค.นี้ และจัดให้มีกระบวนการเลือกตั้ง ส.ส.ร. โดยให้ ส.ส.ร.ทำงานประมาณ 8 เดือน

และขั้นที่สาม เมื่อร่างรัฐธรรมนูญผ่านวาระที่ 3 ต้นเดือน ธ.ค. โดยเฉพาะประเด็นตัดสิทธิ ส.ว. 250 คน ไม่ให้โหวตนายกฯแล้ว “บิ๊กตู่” ในฐานะคู่ขัดแย้งน่าจะต้องลาออก และให้สภาคัดสรรนายกรัฐมนตรีกันใหม่ตามระบบ

โดยมีรัฐบาลชั่วคราวเฉพาะกิจจากสภา ไม่ใช่รัฐบาลแห่งชาติ อาจจะมีระยะเวลาแค่ 8 เดือน
เรียกว่า ขั้นแรกล้อกันกับสิ่งที่ ชวน กำลังเดินอยู่ ราวกับว่า สิ่งที่ ชวน และพรรคประชาธิปัตย์ทำ รับรู้กันกับฝ่ายค้าน เพื่อจะเอา “บิ๊กตู่” ออกจากวงโคจร

เจอเกมนี้ 3 ป. และพรรคพลังประชารัฐ เหมือนจะถูกโดดเดี่ยวขึ้นเรื่อยๆ กับการมาของ สายลมแห่งการเปลี่ยนแปลง wind of change


กำลังโหลดความคิดเห็น